เร่งช่วยเหลือเกษตรกรหลังน้ำลด เช็กจ่ายเยียวยาสูงไร่ละ 4,000 บาท

เร่งช่วยเหลือเกษตรกรหลังน้ำลด เช็กจ่ายเยียวยาสูงไร่ละ 4,000 บาท

รมว.เกษตรและสหกรณ์ สั่งการด่วนให้ทุกหน่วยงานเร่งสำรวจความเสียหาย หลังน้ำลด ย้ำเร่งฟื้นฟู และเยียวยาโดยเร็วที่สุด พร้อมส่งกำลังใจเราผ่านวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ไปด้วยกัน เช็กจ่ายเยียวยาสูงไร่ละ 4,000 บาท

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัด ซึ่งขณะนี้มีบางพื้นที่ ระดับน้ำลดลงและกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ผมได้สั่งการด่วนให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ด้านการเกษตร ทั้งด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว์ 

โดยได้ให้กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว กรมประมง และกรมปศุสัตว์ เฝ้าติดตามและประเมินระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ที่กำหนดตามประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีไม่สามารถดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ให้ยื่นขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ก่อนระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินสิ้นสุดลงไม่น้อยกว่า 15 วัน และขอให้มีการบูรณาการหน่วยงานในระดับพื้นที่ เพื่อเร่งรัดดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร 

 

 

 

เร่งช่วยเหลือเกษตรกรหลังน้ำลด เช็กจ่ายเยียวยาสูงไร่ละ 4,000 บาท

เบื้องต้นได้ประสานกรมปศุสัตว์ให้ตั้ง War Room ทั้งส่วนกลางและทุกจังหวัด เพื่อพร้อมเข้าช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ในพื้นที่น้ำท่วม และพื้นที่น้ำลด พร้อมจัดส่งเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์และสัตวบาลเข้าดูแลรักษาสุขภาพสัตว์ที่มีอาการป่วยทั่วประเทศแล้ว

 ล่าสุดกำชับให้กรมปศุสัตว์จัดหน่วยงานบริการเคลื่อนที่เร็วสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง โดยทันทีที่เกิดภัย เจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ต้องเร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ด้านพืช ได้มอบหมายให้กรมการข้าว และกรมส่งเสริมการเกษตร ประสานความร่วมมือในการเยียวยา โดยยึดตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2564 หลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามในประกาศ เขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ให้เร่งสำรวจและประเมินความเสียหายด้านการเกษตรเพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เป็นเงิน ดังนี้

- กรณีพื้นที่ทำการเพาะปลูก มีพืชตายหรือเสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟู หรือเยียวยาให้กลับสู่สภาพเดิมได้อีก ให้ช่วยเหลือตามจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่เสียหายจริง ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ในอัตรา ดังนี้

  • ข้าว ไร่ละ 1,340 บาท
  • พืชไร่และพืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท
  • ไม้ผลไม้ยืนต้น และอื่นๆ ไร่ละ 4,048 บาท

เร่งช่วยเหลือเกษตรกรหลังน้ำลด เช็กจ่ายเยียวยาสูงไร่ละ 4,000 บาท

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมของเกษตรกรในพื้นที่ประสบภัยหลังจากน้ำลดทั้งในเขตพื้นที่ชลประทาน และนอกเขตพื้นที่ชลประทาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องติดตามให้คำแนะนำและดำเนินการช่วยเหลือฟื้นฟูตามความเหมาะสมต่อไป และสั่งการให้กรมการข้าวเตรียมเมล็ดพันธุ์ให้ความช่วยเหลือ โดยสนับสนุนให้เกษตรกรรายละไม่เกิน 10 ไร่ๆ ละ 7 กิโลกรัม (นาดำ) และไร่ละ 15 กิโลกรัม (นาหว่าน)

โดยได้ให้ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวและศูนย์วิจัยข้าวในพื้นที่ประสานความร่วมมือกับเกษตรตำบล เกษตรอำเภอ และเกษตรจังหวัด ในการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และกำชับให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือ ให้คำแนะนำพี่น้องชาวนา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ 

 

- ด้านประมง ให้ดำเนินการช่วยเหลือผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ประสบภัยพิบัติที่สัตว์ตายหรือสูญหาย ให้ดำเนินการช่วยเหลือเป็นเงิน ดังนี้

  • กุ้งก้ามกราม กุ้งทะเล หรือหอยทะเล ไร่ละ 11,780 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่
  • ปลาหรือสัตว์น้ำอื่นๆ ที่เลี้ยงในบ่อดิน นาข้าวหรือร่องสวน (คิดเฉพาะพื้นที่เลี้ยง)ไร่ละ 4,682 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่
  • สัตว์น้ำที่เลี้ยงในกระชัง บ่อซีเมนต์ หรือที่เลี้ยงในลักษณะอื่นที่คล้ายคลึงกัน ตารางเมตรละ 368 บาท ไม่เกินรายละ 80 ตารางเมตร

ทั้งนี้ หากคิดคำนวณพื้นที่เลี้ยงแล้ว ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ประสบภัยพิบัติรายใดจะได้รับการช่วยเหลือเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 368 บาท ให้ช่วยเหลือในอัตรารายละ 368 บาท   

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ผมเข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้ ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดเร่งให้ความช่วยเหลือ ให้กลับมาทำการเกษตรได้เร็ว และผมขอส่งกำลังใจให้เกษตรกรผู้ประสบปัญหาน้ำท่วมในครั้งนี้ เราจะผ่านวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ไปด้วยกัน