‘วิสาร’ อัดแผนปฏิรูปตร.เหลว แฉงบ7พันล้านตั้งศูนย์191 ล็อกสเปค-ส่อซ้ำรอยไบโอเมตริกส์

‘วิสาร’ อัดแผนปฏิรูปตร.เหลว แฉงบ7พันล้านตั้งศูนย์191 ล็อกสเปค-ส่อซ้ำรอยไบโอเมตริกส์

‘วิสาร’ อัดแผนปฏิรูปตร.เหลว แฉงบ7พันล้านตั้งศูนย์191 ล็อกสเปค-ส่อซ้ำรอยไบโอเมตริกส์

ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นวันที่3 นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์  ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมที่พบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กำกับดูแลโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มาตั้งแต่ปี2557 แต่กลับเกิดความล้มเหลวผิดพลาดในวงการตำรวจ มีการโยกย้ายแต่ตั้งข้ามขั้นพล.ต.ท.ใหญ่ว่าพล.ต.อ. มีการตั้งราคาตำแหน่งต่างๆไว้อย่างเบ็ดเสร็จเรียบร้อย มีการโยกย้ายโดยข้ามลำดับอาวุโส

ล่าสุดเกิดกรณีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการ สภ. เมืองนครสวรรค์ นายกฯได้เคยออกมาแสดงความรับผิดชอบทั้งที่กรณีดังกล่าวเป็นผลิตผลของความแล้วร้ายที่มาจากการกำกับดูแลของท่าน

ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์มีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจขึ้นมาหลายชุด แต่กลับพบการดำเนินการในลักษณะเอื้อประโยชน์บางกลุ่มคน มีเจ้าสัวรายใหญ่หลายรายได้รับผลประโยชน์ 

ขณะที่การแต่งตั้งโยกย้าย ยกตัวอย่างที่กองบัญชาการหนึ่ง ซึ่งพบการซื้อขายตำแหน่งโดยเฉพาะในส่วนของผู้บัญชาการ  บางคนมีการวางเงินถึง200ล้านบาทก็ยังไม่ได้ตำแหน่ง ขอถามว่าคนที่ได้จะต้องวางเงินมากเท่าไร นอกจากนี้ตัวผู้บัญชาการยังไม่มียังไม่มีสิทธิในการแต่งตั้งผู้บังคับการ ผู้บังคับการก็ไม่มีสิทธิแต่งตั้งผู้กำกับ   ขณะที่ผู้ที่เป็นผู้กำกับมีอายุยังไม่ถึง40แล้วมันจะอยู่กันอย่างไร

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอัพยศอดสูที่สุดเราจะปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์กำกับดูแลสตช.เช่นนี้ได้อย่างไรท่านคงไม่รู้แต่คนรอบข้างท่านรู้ ทุกวันนี้คนที่ลงทุนคือคนที่อยากได้ตำแหน่ง  นำมาสู่การเรียกรับสินบนในคดีต่างๆ เช่นกรณีอดีตผกก.โจ้เป็นต้น

ขณะที่เรื่องทุจริตในสตช. นอกเหนือจากจะมีในส่วนของงบประมาณ3-4หมื่นล้านที่เป็นงบปกติ ยังมีเงินนอกงบประมาณอยู่จำนวนมาก สิ่งที่ตนจะอภิปรายต้องการชี้ให้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ทุจริตชัดเจน

โดยเฉพาะโครงการตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ191 ซึ่งมีเงินนอกงบประมาณเป็นแสนล้าน นอกจากนี้ยังมีในส่วนของงบกว่า7พันล้านจากกสทช.ที่นำมาให้สตช.จัดตั้งศูนย์  ขณะที่การดำเนินโครงการพบว่ามีการดำเนินการที่กลับไปกลับมา มีการล็อกสเปค มีการเตรียมผู้ที่จะได้งาน นอกจากนี้ยังพบความเชื่อมโยงของบริษัทเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่มีความเชื่อมโยงกับพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งขณะนั้นไม่ได้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง

ขณะที่การประมูลยังพบว่ามีการยกเลิกประมูลและแก้ไขทีโออาร์ไปมาโดยนายกฯไม่ได้ไปกำกับดูแลด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังพบว่า โครงการดังกล่าวมีบริษัทมาสเตอร์เมคเกอร์ เป็นบริษัทที่ปรึกษา โดยใช้วงเงินมากถึง143ล้านบาทใน6เดือน

กรณีดังกล่าวตนต้องการชี้ให้เห็นว่า อาจไปคล้ายกับโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจพิสูจน์บุคคลโดยเทคโนโลยี หรือ ไบโอเมตริกส์ ซึ่งตนได้อภิปรายไปเมื่อครั้งที่แล้ว ซึ่งไม่ต้องบอกว่าผลประโยชน์จะไปเข้ากระเป๋าใคร  ที่ผ่านมีบุคคลรอบข้างพล.อ.ประยุทธ์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตหลายครั้งท่านเคยรับรู้บ้างหรือไม่