'โควิดพันธุ์C.1.2'ยังไม่เจอในไทย-WHOยังไม่ยืนยันความแรง

'โควิดพันธุ์C.1.2'ยังไม่เจอในไทย-WHOยังไม่ยืนยันความแรง

กรมวิทย์ระบุโควิดพันธุ์C.1.2ยังไม่เจอในไทย เฝ้าระวังกลายพันธุ์ในไทยเข้ม ถอดรหัสกว่า3 หมื่นตำแหน่งทุกสัปดาห์ หน.ศูนย์จีโนม รามาฯชี้คาดเดาจากรหัสพันธุกรรม มีความวิตกว่าจะส่งผลทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นหรือไม่ ส่วนWHOยังไม่ได้ยืนยันความรุนแรง-จัดลำดับ

      เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2564  นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้สัมภาษณ์กรณีการพบไวรัสก่อโรคโควิดสายพันธุ์ใหม่ C.1.2 ซึ่งกลายพันธุ์มากกว่าทุกสายพันธุ์เกือบ 2 เท่า โดยพบในประเทศแอฟริกาใต้กว่าครึ่งประเทศ และแพร่ไปอีก 7 ประเทศทั้ง อังกฤษ จีน นิวซีแลนด์ โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ คองโก และมอริเชียสว่า ขณะนี้สายพันธุ์ C.1.2ยังไม่เจอในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยมีการเฝ้าระวังเรื่องสายพันธุ์อยู่ด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมกว่า 3 หมื่นตำแหน่ง เฉพาะกรมตรวจได้สัปดาห์ละ 400-500 ตัวอย่างซึ่งยังไม่พบสายพันธุ์นี้ ส่วนสายพันธุ์เดลตา AY ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มในประเทศไทย  และยังไม่พบว่ามีความรุนแรงมากขึ้น

     

     

ด้านศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่มีนักวิจัยศึกษาและเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งถูกแขวนอยู่ในฐานข้อมูลกลางโควิด19 โลกหรือ GISAID การตีพิมพ์อย่างเป็นทางการจะต้องผ่านคณะกรรมการพิจารณายืนยันก่อนจะถูกบันทึกใน GISAID อย่างเป็นทางการ โดยเท่าที่ดูตำแหน่งการกลายพันธุ์ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าจะส่งผลต่ออาการรุนแรงหลังรับเชื้อมากน้อยแค่ไหน มีบ้างที่อาจจะด้อยค่าแอนติบอดีสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นมา ซึ่งยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกมากนัก เพียงแต่ดูจากรหัสพันธุกรรมที่เป็นคาดเดาได้บ้าง จึงมีความวิตกว่าจะส่งผลต่อภูมิคุ้มกันทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นหรือไม่ คงต้องพิจารณาองค์ประกอบปัจจัยต่างๆ รวมถึงการระบาดเป็นอย่างไร

“ตอนนี้ทั้งองค์การอนามัยโลก และศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกาหรือ CDC ยังไม่ได้ยืนยันความรุนแรงจนจัดลำดับความสำคัญกับสายพันธุ์นี้ อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์แอฟริกาใต้ไม่ค่อยระบาดมาถึงไทย จึงยังไม่มีอะไรบ่งชี้น่ากังวลใจ เพียงแต่เฝ้าจับตา”ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์กล่าว  

         ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ กล่าวด้วยว่า  ปกติไวรัสมีการกลายพันธุ์ตลอดเวลา เหมือนสายพันธุ์เดลตาพลัส ซึ่งก่อนหน้ามีข่าวออกมาว่าจะรุนแรงกว่าเดลตา แต่เวลาผ่านไปก็พบว่าเชื้อฝ่อลงและถูกจัดเป็นกลุ่ม  AY.1 ,AY.2 จากนั้นก็ลดลงในที่สุดก็ถูกถอดออกจากการจัดให้เป็นไวรัสที่ต้องเฝ้าระวัง ส่วนที่ระบุ C.1.2 มีการระบาดไปถึง 7 ประเทศ โดยเฉพาะแอฟริกาใต้ระบาดครึ่งประเทศ ก็ต้องดูว่าสัดส่วนเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสายพันธุ์หลักที่ระบาดอยู่ขณะนี้

อย่างอัลฟา 6 เดือนที่แล้วระบาดเกือบ 100%  แต่ตอนนี้เหลือน้อยกว่า 1% สำหรับประเทศไทยขณะนี้สายพันธุ์อัลฟาเหลือเพียงประปราย ถือว่าน้อยมาก เนื่องจากเดลตาครองพื้นที่เกือบทั้งหมดแล้ว ส่วนเดลตากลายพันธุ์หรือ AY.4 ขณะนี้ยังทรงตัวอยู่ ต้องดูอีกสักเดือน อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยเริ่มชะลอตัวลดลง ก็ส่งผลดีถึงการกลายพันธุ์ก็อาจจะน้อยลงด้วย และหากสามารถกันคนจากข้างนอกเข้ามาก็จะยิ่งดี เพราะการกลายพันธุ์เกิดจากการติดเชื้อระหว่างคนสู่คนจำนวนมาก