หน่วยข่าวกรองสหรัฐเห็นต่าง‘ต้นกำเนิดโควิด’

หน่วยข่าวกรองสหรัฐเห็นต่าง‘ต้นกำเนิดโควิด’

แวดวงข่าวกรองสหรัฐเผย ยังมีความเห็นต่างกันเรื่องต้นกำเนิดที่แท้จริงของโควิด-19 ในจีน หลังจากประธานาธิบดีไบเดนขอให้ทบทวนเชิงลึกเมื่อสามเดือนก่อน

สำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ รวบรวมรายงานข่าวกรองและข้อมูลอื่นๆ หน่วยข่าวกรองสหรัฐ 18 หน่วยงานโดยไม่ระบุชื่อ  สรุปเป็นรายงานต้นกำเนิดโควิด-19 เผยแพร่เมื่อบ่ายวันศุกร์ (27 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ยังมีความเห็นต่างเรื่องต้นกำเนิดของโควิด-19 ในประเทศจีน 

หน่วยข่าวกรองแห่งหนึ่งประเมินด้วยความเชื่อมั่นปานกลางว่า ไวรัสหลุดจากห้องแล็บโดยบังเอิญแล้วมาติดมนุษย์ อีกสี่หน่วยงานประเมินด้วยความเชื่อมั่นต่ำว่า ไวรัสโควิดเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ

รายงานสรุปด้วยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลข่าวกรองทั้งหมดที่มีและข้อมูลอื่นๆ หน่วยงานข่าวกรองยังคงมีความเห็นแตกต่างกันเรื่องต้นกำเนิดโควิด-19 ทุกหน่วยงานประเมินว่า สมมุติฐานที่เป็นไปได้มีสองข้อคือ เกิดจากการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ และหลุดจากห้องทดลอง แต่ไวรัสโควิดไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเป็นอาวุธชีวภาพ และทางการจีนก็ไม่ได้รู้ล่วงหน้าก่อนที่โควิดจะระบาดจนกระจายไปทั่วโลก

ทั้งนี้ แวดวงข่าวกรองไม่สามารถสรุปให้ชัดเจนกว่านี้ได้จนกว่าจะได้ข้อมูลเพิ่ม

หลังรายงานเผยแพร่ ประธานาธิบดีไบเดนแถลงว่า สหรัฐและพันธมิตรจะเดินหน้ากดดันจีนให้เปิดเผยข้อมูลให้มากกว่านี้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่โควิดเริ่มระบาด

“ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับต้นกำเนิดของการระบาดใหญ่ครั้งนี้อยู่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ตั้งแต่เริ่มต้นหน่วยงานรัฐบาลจีนกีดกันไม่ให้เจ้าหน้าที่สอบสวนและสมาชิกชุมชนสาธารณสุขโลกเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว โลกสมควรต้องได้คำตอบ และผมจะไม่รามือจนกว่าเราได้ข้อมูลนั้น” ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าว

เมื่อเดือน พ.ค. ประธานาธิบดีไบเดนขอให้แวดวงข่าวกรองพยายามให้มากขึ้นเป็นสองเท่าภายใน 90 วัน ด้วยหวังว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนถึงต้นกำเนิดโควิด ซึ่งหน่วยข่าวกรองประเมินว่า โควิดติดต่อสู่มนุษย์ครั้งแรกในเดือน พ.ย.2562 ที่ใกล้เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ของจีน มีรายงานคลัสเตอร์แรกที่นี่ในเดือน ธ.ค.

ผู้ป่วยรายแรกในสหรัฐพบเมื่อเดือน ม.ค.2563 จากนั้นมีชาวอเมริกันติดเชื้อกว่า 38 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 630,000 คนทั่วโลกติดเชื้อแล้วกว่า 215 ล้านคน เสียชีวิตราว 4.5 ล้านคน

เดือน ก.ค. องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ขอเข้าไปตรวจสอบระยะที่ 2 เพื่อตรวจห้องทดลองและตลาดในเมืองอู่ฮั่น แต่ถูกจีนปฏิิเสธ 

นายเซ่ง ยี่สี รัฐมนตรีช่วยคณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติ แถลงเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ว่า ยอมรับแผนการตามรอยต้นกำเนิดโควิดแบบนั้นไม่ได้ “เพราะในบางแง่มุมขัดต่อสามัญสำนึกและไม่เป็นวิทยาศาสตร์ เราหวังว่าดับเบิลยูเอชโอจะทบทวนข้อพิจารณาและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจีนอย่างจริงจัง พร้อมตามรอยต้นกำเนิดไวรัสโควิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ขจัดการแทรกแซงทางการเมือง”