‘สายพันธุ์เดลตา’ คร่าชีวิต ‘สหรัฐ’ วันเดียวดับกว่า 1,000 ราย
“สหรัฐ” พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ในวันเดียววานนี้ (17 ส.ค.) จำนวน 1,017 ราย หรือราว 42 รายต่อชั่วโมง ท่ามกลางเผชิญระบาดสายพันธุ์เดลตาทั่วประเทศ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สะสมของสหรัฐ ใกล้แตะระดับ 623,000 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขอย่างเป็นทางการที่มากที่สุดในโลก ขณะที่เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา ยังแพร่ระบาดอย่างหนักในพื้นที่รัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ต่ำ
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐ พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 769 รายต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
มีรายงานว่า ครั้งสุดท้ายที่ในสหรัฐมีผู้เสียชีวิตเกินระดับ 1,000 รายต่อวัน เป็นในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงว่า รัฐบาลวางแผนจะขยายเวลาข้อบังคับที่กำหนดให้ผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะทางเครื่องบิน รถไฟ และรถบัส รวมถึงผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานและสถานีรถไฟ ต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกันไปจนถึงวันที่ 18 ม.ค. 2564 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดลงในวันที่ 13 ก.ย.นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์ในสหรัฐ นั้นคล้ายคลึงกันกับประเทศอื่นๆ ที่ประสบปัญหาในการควบคุมการแพร่ระบาดเนื่องจากสายพันธุ์เดลตา
ขณะนี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหรัฐได้เร่งระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วหลังต้องเผชิญกับสายพันธุ์ใหม่
รายงานของเว็บไซต์ Our World in Data ระบุว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ค่าเฉลี่ยของจำนวนวัคซีนที่มีการฉีดในช่วง 7 วันของสหรัฐเพิ่มขึ้น 14%