MAJOR - ซื้อ (27 ก.ค.64)

MAJOR - ซื้อ (27 ก.ค.64)

ประมาณการ 2Q64: รายได้ถูกกดดัน QoQ

Event

ประมาณการ 2Q64

Impact

คาดว่าจะขาดทุนหนักขึ้น QoQ ใน 2Q64 แต่ยังดีขึ้นจาก YoY จากฐานที่ตํ่า

เราคาดว่า MAJOR จะขาดทุนสุทธิ 246 ล้านบาทใน 2Q64 แย่ลงจากที่ขาดทุนเพียง 120 ล้านบาทใน 1Q64 แต่จะขาดทุนลดลงจาก 475 ล้านบาทใน 2Q63 ที่เป็นฐานต่ำ ทั้งนี้ผลประกอบการที่แย่ลง QoQ เป็นเพราะเราคาดว่ารายได้จะลดลงถึง 51% QoQ เนื่องจากมีการปิดโรงภาพยนตร์บางแห่งชั่วคราวใน
กรุงเทพและปริมณฑลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2564 ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้น YoY เนื่องจาก i) รายได้เพิ่มขึ้นถึง 103% YoY จากใน 2Q63 ซึ่งโรงภาพยนตร์ทุกแห่งของบริษัทต้องปิดบริการชั่วคราวในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2563 และ ii) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง หลังบริหารจัดการค่าใช้จ่ายเพื่อรับมือสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนวโน้มไม่สดใสใน 3Q64 แต่รายการพิเศษจากการขายหุ้น SF จะช่วยพยุงผลประกอบการเอาไว้

เรามองว่าแนวโน้มของธุรกิจหลักใน 3Q64 ยังคงไม่สดใสเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 รุนแรงขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน 2564 ทำให้บริษัทต้องปิดบริการโรงภาพยนตร์ชั่วคราวเกือบทุกแห่งลงตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 แต่อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าจะบันทึกกำไรพิเศษ (2.8 พันล้านบาทหลังหัก
ภาษี) จากการขายหุ้น บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ (SF.BK/SF) ออกไปใน 3Q64 ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการใน 3Q64 เราคาดว่าผลประกอบการหลักจะพลิกมาเป็นกำไรได้ใน 4Q64 เนื่องจาก i) คาดว่าจะกลับมาเปิดบริการโรงภาพยนตร์ได้เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 น่าจะดีขึ้น และ ii) มีโปรแกรมหนังเด็ดจากฮอลลีวู้ดที่เลื่อนมาจาก 3Q64 จ่อคิวรอเข้าโรงอยู่

ปรับลดประมาณการปี 2564-65 ลงเพื่อสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอใน 1H64

เราคาดว่าใน 1H64 ผลการดำเนินงานหลักจะขาดทุนรวม 366 ล้านบาท ซึ่งแย่กว่าประมาณการทั้งปีนี้ของเราที่คาดว่าจะขาดทุน 223 ล้านบาท ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการปี 2564-65 ลงเพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่อ่อนแอใน 1H64 และการฟื้นตัวที่ช้ากว่าเดิมไปเป็น 4Q64 โดยเราได้ปรับสมมติฐาน
สำคัญดังนี้ i) ปรับลดประมาณการรายได้ปี 2564 ลง 40% และปี 2565 ลง 25% เนื่องจากเราปรับลดจำนวนผู้ชมภาพยนตร์ลง ii) ปรับลดต้นทุนลง 35% ในปี 2564 และ 32% ในปี 2565 iii) ปรับลดค่าใช้จ่าย SG&A ปี 2564-65 ลง 10% - 11% ซึ่งหลังจากที่ปรับสมมติฐานดังกล่าวแล้ว ทำให้ประมาณ
การผลประกอบการจากธุรกิจหลักปีนี้ของเราลดลงจากเดิม 119% เป็นขาดทุน 489 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ลดลงจากเดิม 10% เหลือ 588 ล้านบาท

Valuation and action

เราปรับลดราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ลงเหลือ 26.75 (ใช้ WACC ที่ 8.0%, g ที่ 2.0%) จากเดิมที่ 32.75 บาท เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ MAJOR เนื่องจาก i) คาดว่าจะฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 4Q64 เป็นต้นไป ii) คาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2565 และ iii) คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลพิเศษสำหรับงวดปี 2564

Risks

รายได้จากโรงภาพยนตร์ต่ำกว่าที่คาดไว้