คลัสเตอร์“ตลาดศรีเมือง” กับนักธุรกิจการเมืองราชบุรี

คลัสเตอร์“ตลาดศรีเมือง” กับนักธุรกิจการเมืองราชบุรี

สถานการณ์วันนี้ของ “ตลาดศรีเมือง” จึงเสี่ยงซ้ำรอย “ตลาดกลางกุ้ง” สมุทรสาคร ที่เคยเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ระลอก 2 กระจายไปทั่วประเทศ จนต้องปิดไปกว่า 2 เดือน และส่อจะล็อกดาวน์ทั้งจังหวัดอีกระลอก

“ตลาดศรีเมือง” กลางเมืองราชบุรี ซึ่งเป็นตลาดกลางค้าส่งระดับประเทศ สุ่มเสี่ยงจะขยายวงเป็นคลัสเตอร์โควิดใหญ่หากเอาไม่อยู่ ส่งผลให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในจังหวัด ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แตะหลักร้อยในแต่ละวัน ทว่าข้อมูลสาธารณสุขจังหวัดคาดว่าตัวเลขแฝง รอการตรวจเชื้อเชิงรุก อาจทะลุหลักพัน 

สถานการณ์วันนี้ของ “ตลาดศรีเมือง” จึงเสี่ยงซ้ำรอย “ตลาดกลางกุ้ง” สมุทรสาคร ที่เคยเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ ระลอก 2 กระจายไปทั่วประเทศ จนต้องปิดไปกว่า 2 เดือน และส่อจะล็อกดาวน์ทั้งจังหวัดอีกระลอก

ข้อกังวลของชาวราชบุรีในเรื่องนี้ ไม่เกินจริง เพราะขนาดตลาดศรีเมืองบนพื้นที่ 200 ไร่ กว้างใหญ่ไพศาล มีอาคารสินค้าแต่ละประเภท อาทิ อาคารค้าส่งผัก อาคารพืชไร่ ผักต่างประเทศ อาคารปลาสวยงาม ลานเกษตรหมุนเวียน ไม้ดอกไม้ประดับ อาคารจอดรถซื้อ รวมทั้งอาคารพาณิชย์กว่า 100 ห้อง

มีการเข้าออกของผู้คนแต่ละวันหลายพันคน ทั้งคนขาย คนส่ง คนซื้อ ที่มาจากทั่วสารทิศทุกจังหวัด โดยเฉพาะจากทุกจังหวัดภาคใต้ ที่สำคัญแรงงานในตลาด หลักๆ เป็นแรงงานชาวเมียนมา มีทั้งถูกกฎหมาย และไม่ถูกกฎหมาย 

ความน่าวิตกอีกส่วนหนึ่งคือ ระบบสาธารณสุขจังหวัด และบุคลากรทางการแพทย์ สามารถรองรับสถานการณ์ได้หรือไม่ เพราะตรวจหาเชื้อเมื่อไหร่ ก็เจอมากขึ้นทุกรอบ 

ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน จ.ราชบุรี ขยับขึ้นเรื่อยๆ จากมิถุนายนตัวเลขหลักเดียว และตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมขยับขึ้นหลักครึ่งร้อย ไต่ขึ้นมาเกินร้อย และล่าสุด 25 ก.ค.2564 ทำสถิติสูงสุด 210 ราย ขณะที่ตัวเลขฉีดวัคซีน ฉีดได้ 7 หมื่นกว่าราย ยังไม่ถึง 10% ของเป้าหมาย

สาธารณสุขจังหวัดรายงานเตียงโรงพยาบาลหลัก และโรงพยาบาลสนาม 7 แห่ง รวมทุกประเภท 2,049 เตียง ก็ถูกใช้ไปมากว่า 85% เกือบเต็มศักยภาพ จนล่าสุดต้องไปขอพื้นที่วัดเขาวัง ขยายโรงพยาบาลสนามเพิ่มเป็นแห่งที่ 8 เพื่อสำรองไว้สำหรับคลัสเตอร์ใหญ่ ๆ และผู้ป่วยชาวราชบุรี ตามโครงการกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิด อีกทั้งยังต้องเตรียมมาตรการกักตัวในชุมชน และมาตรการกักตัวที่บ้าน อย่างเร่งด่วน 

คำสั่งจังหวัดล่าสุด ยกระดับมาตรการโดยรวม ปิดกิจการสถานที่ 20 ประเภท 10 วัน ตั้งแต่ 23 กรกฎาคม- 2 สิงหาคม 2564 

ทว่า คลัสเตอร์ที่ชาวบ้านหวาดผวา คือตลาดศรีเมืองที่พบแรงงาน และชุมชนรอบตลาดติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม แต่กลับใช้มาตรการปิดพื้นที่ในตลาดเป็นส่วนๆ หลังเกิดการระบาด เนื่องจากตลาดแห่งนี้เปิด 24 ชั่วโมง และราชบุรีไม่ได้อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม ที่ต้องควบคุมเข้มงวด ระดับเคอร์ฟิว จะส่งผลต่อสถานการณ์โรคอย่างไร หากแหล่งระบาดนี้ ยังบริหารจัดการแบบปิดๆ บางอาคารส่วนน้อย และเปิดๆ หลายอาคารส่วนใหญ่ 

โดยเฉพาะแรงงานติดเชื้อถูกกักตัวในอาคารพื้นที่ตลาด โดยไม่มีระบบเตียงสนาม สามารถห้ามการเคลื่อนย้ายของกลุ่มคนติดเชื้อได้หรือไม่ อีกทั้งพื้นที่ตลาดก็เป็นการเข้า-ออกทางเดียว กลางคืนไม่มีใครไปเฝ้าเหมือนพื้นที่ล็อกดาวน์ 

แม้อีกมุมในด้านเศรษฐกิจ แม้จะเข้าใจได้ว่า ฝ่ายบริหารอาจมีความเป็นห่วงว่า หากปิดทั้งตลาด เกรงจะเกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนหลายส่วน และเสียหายต่อเศรษฐกิจจังหวัด ขณะที่่ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นไม่หยุด  

เป็นที่รู้กันว่า ตลาดใหญ่แห่งนี้ ก่อตั้งโดยผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แห่งพรรคภูมิใจไทย “นภินทร ศรีสรรพางค์” ที่เริ่มธุรกิจตลาดนี้มาตั้งแต่ปี 37 โดยบริษัท แอ็กโกรคอมเมอร์ส กรุ๊ป จำกัด จากที่ดิน 27 ไร่ พัฒนาเป็นตลาดค้าส่งพืชผลทางการเกษตรเป็น 200 ไร่ในปัจจุบัน

เรื่องความเป็นความตายครั้งนี้ ชาวราชบุรีหวังพึ่งผู้ว่าฯรณภพ เหลืองไพโรจน์ ในฐานะประธานคณะโรคติดต่อจังหวัด แม้เจ้าตัวจะยืนยันว่าไม่ได้ปล่อยปละละเลยปัญหา

ทว่า ผลการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อประเมินสถานการณ์เมื่อวันเสาร์่ 24 ก.ค.(หลังจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 มอบนโยบาย และสั่งทุกจังหวัดยกระดับมาตรการ) ผลปรากฎว่าจังหวัด มีการกระมิดกระเมี้ยนเตรียมปิดตลาดศรีเมืองแค่ 7 วัน โดยคาดว่าจะเริ่มในวันจันทร์ที่ 26 ก.ค.

สถานการณ์ที่เริ่มส่อเค้าจะเข้าสู่วิกฤติ จนเสียงเรียกร้องจากคนในพื้นที่ ให้จังหวัดเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจังกำลังดังขึ้นทุกที ไม่ใช่ทำพอเป็นพิธี ท่ามกลางกระแสนินทาหนาหูว่า ผู้มีอำนาจพยายามวิ่งเต้นไม่อยากให้ปิด และต้องการให้เปิดเร็วขึ้น

เมืองโอ่งมีชื่อนักการเมืองใหญ่ “บิ๊กเนม” ก็หลายรายจะรับผิดชอบกันไหวไหม "ล็อกดาว"รอบสองของรัฐบาลที่มาช้า ควรจะเป็นบทเรียนราคาแพงของ “นักธุรกิจการเมือง”!