ฟื้นตัวกรอบจำกัด (22 ก.ค.64)

ตลาดหุ้นวานนี้

SET ปิดที่ 1,540.88 จุด +2.02 จุด (+0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 7.4 หมื่นลบ. แม้ตลาดหุ้นต่างประเทศจะฟื้นตัวแรง แต่ตลาดหุ้นบ้านเรายังขึ้นไม่ได้เพราะมีปัจจัยกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด -19 รายใหม่ที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 13,000 ราย เสี่ยงให้ภาครัฐต้องออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้น

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

คาด SET แกว่งตัว 1,530 - 1,550 จุด  แม้ดัชนีจะได้แรงหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงต่ำสุดในรอบ 18 เดือน อย่างไรก็ตามกรอบการดีดตัวยังถูกจำกัดจากความกังวลการแพร่ระบาดเชื้อ Covid-19 เดลต้าที่พุ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศซึ่งเป็นลบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ Fund flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่องจะกดดันดัชนี 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

• กลุ่มส่งออก HANA KCE  TU CPF ASIAN EPG อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า
• หุ้นที่คาดว่างบ 2Q21 เติบโต BCH CHG BDMS HMPRO GLOBAL DOHOME BEM CKP CBG OSP ICHI GPSC BEC  GUNKUL JWD WICE SONIC NER

หุ้นแนะนำวันนี้

• CKP (ปิด 5.8 ซื้อ/เป้า 6.5) คาดกำไรสุทธิ 2Q21 แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 931 ลบ. เทียบกับ ขาดทุนสุทธิ 95 ลบ. ใน 2Q20 และกำไรจะเร่งขึ้นอีกใน 3Q21 จาก High season
• JWD (ปิด 15 ซื้อ/เป้า IAA consensus 16.3) คาดกำไรสุทธิ 2Q21 โตต่อเนื่องตามดีมานในทุกธุรกิจที่เพิ่มขึ้นรับอานิสงส์ภาคการค้าโลกฟื้นตัวและรับกระแส WFH, คลังห้องเย็นใหม่รับรู้รายได้เต็มไตรมาส

บทวิเคราะห์วันนี้

KBANK, KTB, MINT, SCB, TTA

ประเด็นสำคัญวันนี้

• (+) น้ำมันดิบ WTI พุ่งแรงกว่า 3$ จากข่าวสต๊อกน้ำมัน ณ เมืองคูชิงลดลง: ราคาน้ำมันดิบ WTI บวกแรงกว่า 3$ (+4.6%) ปิดที่ 70.30$/bbl จากข่าวสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิงในรัฐโอกลาโฮมาของสหรัฐ ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ที่ระดับ 36.7 ล้านบาร์เรล หรือลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน
• (+) ดาวโจนส์บวกต่อตอบรับผลประกอบการที่สดใส: ดัชนีดาวโจนส์ฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยเพิ่มขึ้น 286 จุด (+0.83%) ปิดที่ 34,798 จุด เนื่องจากนักลงทุนตอบผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ โดย 85% ของบริษัทที่ประกาศงบแล้วล้วนมีกำไรสุทธิสูงกว่าที่ Consensus คาด
• (+/-) คาด ECB คงดอกเบี้ยและวงเงิน QE ตามเดิม:  ย้ำมุมมองเดิมคาด ECB คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0% คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ -0.50% และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.85 ล้านล้านยูโร