ตร. จับยกก๊วน 'ม่อน อาชีวะ' 16 รายพร้อมอาวุธร่วม 'ม็อบ 18 ก.ค.' ถูกแจ้งข้อหาเพียบ

ตร. จับยกก๊วน 'ม่อน อาชีวะ' 16 รายพร้อมอาวุธร่วม 'ม็อบ 18 ก.ค.'  ถูกแจ้งข้อหาเพียบ

'นครบาล' สรุปผลจับ 'ม็อบ 18 ก.ค.' รวบกลุ่ม 'ม่อน อาชีวะ' แกนนำพร้อมพวกรวม 16 คน มีทั้งผู้ใหญ่-เยาวชน ค้นรถพบเตรียมอาวุธมาพร้อมตอบโต้ตำรวจ ทั้งลูกแก้วหนังสติ๊ก ดอกไม้ไฟและประทัดยักษ์ ก่อนคุมตัวไปตชด.ภาค 1

 19 ก.ค.2564 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีรายงานผลการจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับ และกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหารวม 16 คน เป็นเด็กหรือเยาวชน 4 คน เป็นผู้ใหญ่ 12 คน แบ่งออกเป็นชาย 13 คน หญิง 3 คน

โดยคดีแรก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม เวลาประมาณ 20.30 น. ตำรวจ ฝ่ายสืบสวน กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ตำรวจ กก.คฝ.2 บก.อคฝ.บช.น. เเละตำรวจ ฝ่ายสืบสวน กก.สส.ภ.จว.นนทบุรี ได้ร่วมกันจับกุม นายธนเดช หรือม่อน ศรีสงคราม อายุ 36 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับ ศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 336/2564 ลงวันที่ 18 ก.ค.64 ในข้อหา “ร่วมกันกระทำให้ปรากฏเเก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อเเสดงความเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร

หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายเเผ่นดิน, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายสาหัส, มั่วสุมตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ, ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย” 

พร้อมของกลางที่ทำการตรวจยึด โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ oppo สีขาว จำนวน 1 เครื่อง

สืบเนื่องจากตำรวจสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว จะมาร่วมการชุมนุมในวันที่ 18 กรกฎาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ท้องที่ สน.สำราญราษฎร์ จึงได้ทำการติดตามตัวผู้ต้องหา โดยพบว่าผู้ต้องหาเดินทางมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อน โดยใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ฟอร์ด สีเทาดำ ทะเบียน 1 ฒว 3479 กรุงเทพมหานคร มาจากอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ร่วมเดินขบวนกับผู้ชุมนุมมายังเเยกนางเลิ้ง ตำรวจจึงได้ออกติดตามเรื่อยมา จนเมื่อมาถึงถนนพหลโยธิน ใกล้ สน.บางเขน ผู้ต้องหาได้หยุดรถ ทางตำรวจจึงได้เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา ควบคุมตัวมายัง สน.บางเขน เพื่อทำบันทึกจับกุม ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย และได้ควบคุมตัวไปยัง ตชด.ภาค 1 ซึ่งเป็นที่ทำการสอบสวน ทำการสอบสวนต่อไป

ส่วนคดีต่อมา เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม เวลาประมาณ 20.30 น. ตำรวจ ฝ่ายสืบสวน กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ตำรวจ กก.คฝ.2 บก.อคฝ.บช.น. ได้ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 11 ราย คือ นางสาวสุ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นางสาวปาน (นามสมมติ)อายุ 15 ปี นายธนา (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายสิทธิ์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นายภูริวัฒน์ ศรีเสนาะ อายุ 18 ปี นายณัฐชนน วณิชกิจ อายุ 19 ปี นายภูมิระพี พัฒบุรมย์ อายุ 20 ปี นายกฤษกร วิจารณ์ อายุ 18 ปี นายอดิเทพ สวัสดิ์รักษา อายุ 19 ปร นายณัฐดนัย วณิชกิจ อายุ 19 ปี และนายชัยยุทธ ธัมวรากร อายุ 27 ปี

พร้อมของกลางที่ทำการตรวจยึด รถยนต์กระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน 1ฒว-3479 กรุงเทพมหานคร พร้อมกุญแจรถ และหนำซ้ำได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินภายในรถคันดังกล่าว พบหนังสติ๊ก จำนวน 14 อัน ลูกแก้ว จำนวน 62 ลูก มีดยาวประมาณ 1 ฟุต จำนวน 1 เล่ม พร้อมซองใส่มีดจำนวน 1 อัน มีดพับจำนวน 1 เล่ม หมวกกันน๊อคจำนวน 4 ใบ หน้ากากกันแก๊สจำนวน 4 อัน แว่นตานิรภัยจำนวน 4 อัน

สืบเนื่องจากตำรวจทำการสืบสวนติดตามจับกุม นายธนเดช หรือม่อน ศรีสงคราม ตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 336/2564 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม ต่อมาทราบว่าผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว จะมาร่วมการชุมนุมในวันเดียวกัน ที่อนเสาวรีย์ประชาธิปไตย ท้องที่ สน.สำราญราษฎร์ จึงได้ทำการติดตามตัวผู้ต้องหา

โดยพบว่านายธนเดช เดินทางมาพร้อมกับผู้ต้องหาทั้ง 11 คน โดยใช้รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ฟอร์ด สีเทาดำ ทะเบียน 1 ฒว 3479 กรุงเทพฯ มาจากอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย และร่วมเดินขบวนกับผู้ชุมนุมมายังเเยกนางเลิ้ง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ออกติดตามเรื่อยมา จนภายหลังมาถึงถนนพหลโยธิน ใกล้ สน.บางเขน รถยนต์คันดังกล่าวของผู้ต้องหาได้หยุดรถ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา ควบคุมตัวมายัง สน.บางเขน เพื่อทำบันทึกจับกุม

โดยผู้ต้องหาทั้ง 11 คน ตำรวจชุดจับกุมพบพฤติการณ์การกระทำความผิดซึ่งหน้า กรณีเข้าร่วมชุมนุมโดยผิดกฎหมายจึงได้ทำการจับกุม เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎ์ เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนออกตามความใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ”

ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่เนื่องจากได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วน เดินทางเข้าไปยังที่ สน.สำราญราษฎร์ เกรงว่าจะมีการปิดล้อม และกดดัน ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา และอาจมีการก่อเหตุร้ายขึ้น จึงขอให้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปส่ง ที่ บก.ตชด.ภาค 1 ซึ่งได้ขอไว้เป็นที่ทำการของพนักงานสอบสวน

ต่อมาคดีที่ 3 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม เวลาประมาณ 20.00 น. ตำรวจ บก.สปพ. ได้ร่วมกันจับกุม นายนิเวศ หรือเล็ก วงศ์วิเศษกิจ อายุ 47 ปี และน.ส.กชมน หรือแฮปปี้ ณ เรืองไทย อายุ 21 ปี ผู้ต้องหา พร้อมของกลางที่ทำการตรวจยึด อาวุธมีด ขนาดยาว 1 ฟุต จำนวน 2 เล่ม หัวน๊อต สีเงินเงา จำนวน 22 อัน หัวน๊อต สีดำ จำนวน 4 อัน รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ติดแผ่นป้ายทะเบียน ผค-1043 เพชรบูรณ์ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ MI รุ่น Max3 สีดำ พร้อมซิมโทรศัพท์ จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ HUAWEI รุ่น Y6S สีดำ พร้อมซิมโทรศัพท์จำนวน 1 เครื่อง

สืบเนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับในการชุมนุมวันนี้ว่า ผู้ต้องหาทั้งสองเดินทางออกจากที่พักเพื่อมาร่วมทำการชุมนุมกับ นายธนเดช หรือม่อน จึงได้ทำการติดตามตัวจนกระทั่งเวลาประมาณ 16.30 น. พบนายนิเวศ หรือเล็ก และ น.ส.กชมน หรือแฮปปี้ ลงจากรถแท๊กซี่ บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจุดที่มีการชุมนุม และมีการรวมกลุ่มกับนายธนเดช หรือม่อน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 336/2564 ลงวันที่ 18 ก.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมที่เฝ้าติดตามอย่างกระชั้นชิดตลอดเวลา

จนเวลาประมาณ 18.50 น. ผู้ต้องหาทั้งสองคนเดินมาที่รถยนต์ของนายธนเดช หรือม่อน ที่จอดทิ้งไว้ใกล้บริเวณวัดบวรนิเวศ และขับออกไป ตำรวจได้ทำการติดตามจนกระทั่งมาจับกุมได้ที่บริเวณหน้าวัดอัมพวัน ต.บางเมือง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และได้ทำการตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าวของที่ผู้ต้องหาทั้งสองขับขี่มา ผลการตรวจค้นพบของกลางรายการดังกล่าวข้างต้น จึงทำการตรวจยึดไว้

เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนออกตามความใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ” และเพิ่มเติมผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหา “พาอาวุธ(มีด)ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร” อีกข้อหาหนึ่ง

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมตรวจยึดของกลาง เพื่อนำส่ง บก.ตชด.ภาค 1 ซึ่งได้ขอไว้เป็นที่ทำการของพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

และคดีสุดท้าย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม เวลาประมาณ 20.00 น. ตำรวจ ร้อย คฝ.บก.น.2 ได้ร่วมกันจับกุมนายทนงศักดิ์ จูมนา อายุ 28 ปี และนายสุพล เวียงคำ อายุ อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุจุดพลุดอกไม้ไฟ และประทัดยักษ์ใส่ตำรวจ โดยจับกุมตัวที่บริเวณแยกยมราช

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ในพื้นที่ที่มีการประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนออกตามความใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย