BGRIM ชู 7 ยุทธศาสตร์ ดันรายได้โตแสนล้าน สู่บริษัทพลังงานโลก

BGRIM ชู 7 ยุทธศาสตร์ ดันรายได้โตแสนล้าน สู่บริษัทพลังงานโลก

“บี.กริม เพาเวอร์” ประกาศยุทธศาสตร์ 10 ปี สู่บริษัทพลังงานโลก ตั้งเป้ารายได้เติบโต 1 แสนล้าน กำลังผลิตไฟฟ้าแตะหมื่นเมกะวัตต์ เตรียมงบลงทุน 2.5-3 แสนล้าน แจงฐานะการเงินแข็งแกร่ง ยัน 5 ปีจากนี้ไม่เพิ่มทุน

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดทำแผนการดำเนินงานในระยะ 10 ปี (2564-2573) โดยตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าเติบโตแตะ 10,000 เมกะวัตต์ จากสิ้นปี 2563 ที่มีกำลังการผลิต 3,058 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตมากกว่า 1 แสนล้านบาท จากการเดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกมากขึ้นเพื่อเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรับรู้รายได้จากจากโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 48 โครงการ

สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2564 บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาดีลการซื้อขายกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในประเทศไทยและประเทศมาเลเซียประมาณ 3-4 โครงการ กำลังการผลิตรวมกว่า 300-500 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ ขณะที่ในไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัทเตรียมเปิด COD โครงการกังหันลมบ่อทอง จ.มุกดาหาร กำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลให้งบลงทุนปีนี้อยู่ที่ 2-4 หมื่นล้านบาท

ลงทุน 2.5-3 แสนล้านหนุนโต

ทั้งนี้้ บริษัทมีแผนเตรียมความพร้อมทางการเงินเพื่อสนับสนุนแผนการเติบโตในช่วง10 ปีมูลค่ารวม 2.5-3 แสนล้านบาท ผ่านการระดมทุนในตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ซึ่งในช่วง5 ปีจากนี้บริษัทยังไม่มีแผนเพิ่มทุนจดทะบียน และจะรักษาระดับหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ให้ไม่เกิน 2 เท่า ได้ตามเป้าหมาย

“ในปี 2564 บริษัทจะแบ่งระดมทุนบางส่วนผ่านการออกหุ้นกู้สีเขียว (Green Bond) และสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) และหุ้นกู้ระยะสั้นเพื่อการค้า (Commercial Bond) มูลค่ารวม 1-1.2 หมื่นล้านบาท”

เมื่อสอบถามถึงแผนธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นายฮาราลด์ กล่าวว่า บริษัทได้สิทธินำเข้าก๊าซ LNG จำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี จากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยมีความพร้อมจำหน่ายให้แก่ลูกค้านิคมอุตสาหกรรม สวนอุตสาหกรรม และโรงงาน ทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่ปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทคาดหวังการเติบโต เพราะมีต้นทุนการจำหน่ายที่ไม่แพงจากที่บริษัทเป็นผู้นำเข้าเชื้อเพลิงด้วยตนเอง รวมถึงสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขาย LNG ของภูมิภาค

ชู 7 ยุทธศาสตร์เคลื่อนองค์กร

พร้อมกันนี้ บี.กริม เพาเวอร์ได้ประกาศ 7 ยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ประกอบด้วย 1. การขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งจากก๊าซธรรมชาติและพลังงานสะอาดภายใต้รูปแบบสัมปทานกับภาครัฐในประเทศต่างๆ ทั่วโลก (B2G) เพื่อให้บริการไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพสูงอันเป็นรากฐานสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยจะเป็นการพัฒนาโครงการใหม่หรือการเข้าซื้อกิจการ ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เช่น สปป.ลาว เวียดนาม เกาหลีใต้ มาเลเซีย กัมพูชา และฟิลิปปินส์

2. การสร้างบทบาทสำคัญในธุรกิจ LNG และเชื้อเพลิงสะอาด จากความต้องการ LNG ของภูมิภาคอาเซียนซึ่งมีการเติบโตสูงที่สุดในโลก ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโควต้าการนำเข้า LNG จำนวน 1.2 ล้านตันต่อปี อันจะนำมาสู่โอกาสในการบริหารต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น และโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ ทั้งด้านธุรกิจไฟฟ้าและการจำหน่าย LNG นอกจากนี้ยังศึกษาเชื้อเพลิงทางเลือกต่างๆ เพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอนาคต

3. การให้บริการลูกค้าอุตสาหกรรมด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจร ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำที่มีคุณภาพสูงให้กับโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 300 รายอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม โดยจะขยายขอบเขตการให้บริการให้ครอบคลุมบริการด้านสาธารณูปโภคแบบครบวงจร และขยายพื้นที่การให้บริการที่นอกเหนือไปจากนิคมอุตสาหกรรมที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนแนวโน้มการกระจายตัวแบบไม่รวมศูนย์ (Decentralization) มุ่งสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีความสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ

4. การให้บริการสาธารณูปโภคครบวงจรสำหรับกลุ่มอาคารพาณิชย์ ในรูปแบบการนำเสนอโซลูชั่นทางด้านสาธารณูปโภค ภายใต้การผนึกกำลังของบริษัทต่างๆ ในเครือ บี.กริม เพื่อนำเสนอโซลูชั่นให้กับลูกค้าได้อย่างครบถ้วน

5. การขยายธุรกิจระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้าในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการส่งและจำหน่ายไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพไปสู่ผู้ใช้ โดยอาศัยความชำนาญกว่า 25 ปีของ บี.กริม เพาเวอร์ในการสร้างและควบคุมระบบการส่งและระบบการจำหน่ายไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม 9 แห่งทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา นำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการเป็น Smart City ต่อไปในอนาคต

ชี้เทรนด์โรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาแรง

6. การให้บริการพลังงานที่มีคุณภาพและเสถียรภาพผ่านการซื้อขายในระบบ Energy Trading โดยเป็นการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าโดยตรง ไม่ผ่านระบบของการไฟฟ้า ซึ่งอาศัยโครงข่ายอัจฉริยะ (Smart Grid) ที่พัฒนาโดย บี.กริม เพาเวอร์ ปัจจุบัน ทางบริษัทได้นำร่องทดสอบระบบ Trading ระหว่างอาคารต่างๆ ในเครือ บี.กริม และในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ แล้ว

“ทิศทางธุรกิจพลังงานจากนี้ โรงไฟฟ้าจะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ อนาคตคนจะมีโรงไฟฟ้าในบ้าน มีการติดแผงโซลาร์บนหลังคาผลิตไฟฟ้าขายเพื่อนบ้านแบบ Peer to Peer ที่แลกเปลี่ยนกันได้โดยตรง”

และ 7. การเดินหน้าพัฒนาโมเดลธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เพื่อรองรับ “ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น” ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ และการขับเคลื่อนด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่

“บี.กริม เพาเวอร์ ยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี สร้างคุณค่าให้กับสังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูงและบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) ภายใต้หลักธรรมภิบาล ตลอดจนการบริหารห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) อย่างรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”