‘นอนแบงก์’เล็งถกธปท.ต้นก.ค. วางมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มตามนโยบายรัฐ

‘นอนแบงก์’เล็งถกธปท.ต้นก.ค. วางมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มตามนโยบายรัฐ

“นอนแบงก์” เผย ต้นก.ค.เตรียมหารือธปท.เรื่องมาตรการช่วยลูกหนี้ หลังรัฐบาลหวังให้ลดดอกเบี้ยอีก1-2 % "จำนำทะเบียน” เสนอต้องทำแบบมีเงื่อนไข "เฉพาะลูกค้าใหม่-ระยะเวลาชัดเจน" หวังแบงก์ชาติไฟเขียวเพิ่มเพดานดอกเบี้ยปล่อยสินเชื่อโฉนดที่ดิน

แหล่งข่าวธุรกิจนอนแบงก์ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)นัดหารือกับกลุ่มธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ เกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งทางรัฐบาลต้องการให้ลดดอกเบี้ยลง1-2%นั้น   

ในส่วนของผู้ประกอบการได้ให้ความเห็นว่า หากจำเป็นก็สามารถทำได้ แต่คงต้องขอเป็นเพียงความร่วมมือ โดยมีเงื่อนไข2 ข้อ คือ ใช้กับลูกค้าใหม่เท่านั้น และ กำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน เช่น ถึงสิ้นปีหรือปีหน้า

ะภๆฏโพร้อมกันนี้ เสนอให้ธปท. พิจารณาเพิ่มเติม ให้สามารถปล่อยสินเชื่อโฉนดที่ดินกับลูกค้ากลุ่มนี้  โดยกำหนดเพดานดอกเบี้ยล้อไปกับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ หรือลดเพดานดอกเบี้ยลงมาไม่เกิน 21-22% ซึ่งต้องมีการให้ใบอนุญาตใหม่ เพราะปัจจุบันภายใต้กฎหมายเพ่งและพาณิชย์ กำหนดเพดานดอกเบี้ยไม่เกิน15% ซึ่งทำให้มีการปฏิเสธสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างมาก

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการ ยังให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ยังมีความกังวลอยู่หากลดดอกเบี้ยจนต่ำมากเกินไป ในแง่ของการดำเนินธุรกิจยิ่งแทบไม่มีกำไรและในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ก็ลำบากเช่นกัน แน่นอนว่าการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มนี้คงต้องยากขึ้น เข้มงวดมากขึ้นอยู่แล้ว ไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวลูกค้าเอง

ปัจจุบันต้นทุนของผู้ประกอบการ ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ต้นทุนรวมเฉลี่ยที่ 17-18% แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินงาน10% ต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ 4% ต้นทุนความเสี่ยงของหนี้เสีย 3%แล้ว และได้คิดดอกเบี้ยที่ลดลงมาแล้วตามที่ธปท.กำหนดไว้ตั้งแต่เดือน ส.ค. ปี2563 เพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียน ไม่เกิน24% สินเชื่อส่วนบุคคลไม่เกิน25% และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ไม่เกิน28% 

อีกทั้งยังมีแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบตามมาตรการธปท.อย่างต่อเนื่อง ทั้งปรับโครงสร้างหนี้ ยืดระยะเวลาชำระหนี้ ทำให้การผ่อนชำระน้อยลง และพักชำระหนี้ ซึ่งให้ความช่วยเหลือมาอย่างเต็มที่เช่นกัน

ทั้งนี้จะมีการหารือรอบต่อไปในช่วงต้นเดือนก.ค.นี้ ทางผู้ประกอบการยังต้องรอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวว่าธปท.จะกำหนดมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมรอบนี้อย่างไร

 นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD  กล่าวว่า  แนวทางให้ความช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติมรอบใหม่ เรายังต้องรอความชัดเจนจากนโยบายของธปท.เป็นหลักไม่ว่าแนวทางไหน หากขอความร่วมมือมาก็พร้อมให้ความร่วมมือ

 เรื่องการลดดอกเบี้ยจะเห็นได้ว่า เราเป็นผู้นำในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าในทุกสถานการณ์ ล่าสุด เราสร้างความร่วมมือกับธนาคารออมสิน ลดดอกเบี้ยมาอยู่ที่ 10% แล้ว ถือว่า ช่วยกดดอกเบี้ยในระบบให้ต่ำลงมากอยู่แล้ว และมีมาตรการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม คงต้องรอความชัดเจนจากทางธปท.ก่อน บริษัทพร้อมให้ความร่วมมือ ปัจจุบันบริษัทได้มีมาตรการช่วยเหลืออยู่แล้วโครงสร้างหนี้ ยืดระยะเวลาชำระหนี้  ซึ่งลูกค้าที่ยื่นขอความช่วยเหลือตอนนี้มีจำนวนไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เป็นรายเดิมที่ช่วยเหลืออยู่แล้ว 

นายนันทวัฒน์ โชติวิจิตร กรรมการบริหาร​บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS กล่าวว่า ธปท. ได้หารือและรับฟังความเห็นในฝั่งธุรกิจบัตรเครดิตไปแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และให้รวบรวมข้อมูลทั้งอุตสาหกรรมเพื่อมาหารืออีกครั้งช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้  

ดังนั้น เราคงต้องรอความชัดเจนจากธปท. ก่อนว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมออกมาอย่างไร เพราะมีแนวคิดทั้งลดดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราวและถาวร    

ส่วนตัวมองว่าแนวทางการแก้ปัญหานั้น ควรหามาตรการให้คนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีกินมีใช้ มีพอชำระหนี้ได้ อีกทั้งการเร่งฉีดวัคซีนและเปิดประเทศน่าจะเป็นความหวังให้เศรษฐกิจกลับมาหมุนเต่อไปในครึ่งหลังของปีนี้