สงขลาติดเชื้อโควิดพุ่ง 'ล็อกดาวน์' ชายแดนไทย-มาเลเซีย 

เจ้าหน้าที่สนธิกำลังลาดตระเวนเข้มแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการลักลอบผ่านข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย หลัง "สถานการณ์โควิด 19" ยังพบผู้ติดเชื้อพุ่งสูง และรัฐบาลมาเลเซียประกาศขยาย "ล็อกดาวน์" ทั่วประเทศ ไม่มีกำหนด

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 64 ความคืบหน้า “สถานการณ์โควิด 19” หลังจากที่มีการประกาศให้ จ.สงขลา เป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีประกาศใช้มาตรการเขตพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุด และเข้มงวดเป็นเวลา 30 วัน โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายแรงงาน และผู้ที่เดินทางเข้าออกจาก จ.สงขลา ต้องมีหนังสือรับรองความจำเป็นที่จะต้องออกนอกพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนอกเหนือจากมาตรการดังกล่าวแล้ว ทางหน่วยความมั่นคงยังคงมีมาตรการในการดูแลพื้นที่ โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ในฝั่งของ จ.สงขลา 3 อำเภอ ทั้ง อ.สะเดา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย ที่ยังคงมีมาตรการคุมเข้มพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

โดยทางทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ทหาร ร้อย ร.5021 และ ตชด.437 ยังคงสนธิกำลังกันออกลาดตระเวนพื้นที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย อย่างต่อเนื่องทั้งทางบกและทางอากาศควบคู่กันไป ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของผู้คนรวมทั้งในส่วนของแรงงานไทยและต่างด้าว รวมถึงการลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมายอื่นๆ และยาเสพติด

อีกทั้งในช่วงนี้สถานการณ์โควิด 19 ในมาเลเซีย ก็ยังไม่คลี่คลาย และทางรัฐบาลมาเลเซีย ยังได้ประกาศขยายเวลา "ล็อกดาวน์" ประเทศออกไปอีกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน หลังประกาศ "ล็อกดาวน์" ประเทศครั้งแรกในวันที่ 1 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าอาจจะใช้เวลาอีกอย่างน้อยราว 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อในมาเลเซีย ยังคงพุ่งสูงขึ้นอยู่ที่วันละประมาณ 4-5 พันคน ซึ่งทางฝ่ายความมั่นคงฝั่งไทย ก็ยังคงเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

ด้าน พ.อ.อายุพันธุ์ กรรณสูต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ระบุว่า ขณะนี้ทางทหารได้มีการจัดเตรีมกำลังอย่างเต็มที่ เพื่อรับมือในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่ทั้งภายในประเทศ รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย มียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงแบบรายวัน โดยได้มีการเสริมกำลังทหารจากกองกำลังเทพสตรี อีกส่วนหนึ่งเข้ามาช่วยในภารกิจลาดตระเวนพื้นที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งใน จ.สงขลา ติด 3 อำเภอ ทั้ง อ.สะเดา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย

อีกทั้งได้เตรียมกำลังพลของหน่วยอีกส่วนหนึ่งในการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด รวมทั้งการเข้าให้การสนับสนุน และช่วยเหลือประชาชน ตามที่หน่วยงานต่างๆร้องขอ ซึ่งทางกองทัพพร้อมที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่