ลุ้น Rebound (25 มิ.ย.64)

ลุ้น Rebound (25 มิ.ย.64)

วันพฤหัสที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงแรงประมาณ -22 จุด แต่ดัชนีสามารถรีบาวด์ได้ในช่วงบ่ายประมาณ 10 จุด

ประเด็นลบมาจากการที่ธปท. มีการปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทย และปรับลดคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยว จากการกระจายวัคซีนที่มีความล่าช้าและโควิดระรอก3 ที่ยืดเยื้อ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องเตียงที่เริ่มไม่พอรองรับผู้ป่วยโควิด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,585.72 จุด -6.36 จุด -0.40% มูลค่าการซื้อขาย 89,179 ลบ.ต่างชาติ +665.68 ลบ. TFEX -14,783 สัญญา ตราสารหนี้ -1,569.22 ลบ.

ปัจจัยบวก

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัว เพิ่มขึ้น 322.58 จุด +0.95% ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับข่าวทำเนียบขาวบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นศก.และการจ้างงานในสหรัฐ ช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่ง ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขานรับรายงานธนาคารสหรัฐผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test)
+ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 22 เซนต์ +0.3% ปิด $73.30 ต่อบาร์เรล ได้แรงหนุนจากความหวังว่าการฟื้นตัวของศก.ในหลายประเทศช่วยกระตุ้นความต้องการใช้น้ำมันให้ปรับเพิ่มขึ้น นลท.จับตาการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตของกลุ่มโอเปค และโอเปคพลัส 1 ก.ค.นี้
+ รมว.คลังสหรัฐเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะปรับตัวลงภายในสิ้นปีนี้จากปัจจุบันที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจากภาวะติดขัดด้านอุปทานที่เริ่มคลี่คลายลง
+ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตามคาด
+ ส่งออก พ.ค. บวกแรง +41.59% 5M64 ส่งออก +10.78%
+ อย.อนุมัติขึ้นทะเบียนวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์แล้ว
+ กลุ่มราษฎรสลายการชุมนุมสกายวอล์คหลังแกนนำเรียงหน้าปราศรัยย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง

ปัจจัยลบ

- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 411,000 รายจากระดับ 418,000 รายในสัปดาห์ก่อนสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 380,000 ราย
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 GDP 1Q64 ขยายตัว 6.4% ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.6%
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ปรับลดคาดการณ์ GDP อินเดียปี 2564 ลงสู่ระดับ 9.6% จากเดิม 13.9% หลังจากการแพร่ระบาดรอบสองของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อศก.อินเดียในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.ปีนี้

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยได้แรงหนุนจากทำเนียบขาวบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,575-1,600 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นที่เข้าคำนวณ SET50 มีผล 30 มิ.ย. : เข้า STGT, IRPC, STA, KCE ออก AWC, BAM, TOA, VGI , SET 100 : STGT, NRF, PSL, PTL, SYNEX, SINGER, ICHI, TKN, AAV ออก : AWC, BPP, TOA, EPG, GFPT, MBK, TPIPP, TTW, WHAUP
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น PTTEP PTT PTTGC IVL
• ส่งออกเดือน พ.ค. ขยายตัว AH SAT NER STA KCE HANA SMT ASIAN

หุ้นรายงานพิเศษ

                           TSC ซื้อ ราคาเหมาะสม 13.90 บาท

                        “ ปรับประมาณการกำไรปี 64 เพิ่มขึ้น 34% ”

•ภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์มีแนวโน้มสดใส ตัวเลขส่งออกกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมในเดือนพ.ค. 64 มีการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ +170%YoY 5M64 +51.6%YoY ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน

•รายงานกำไร 2Q64 (ม.ค.64-มี.ค.64) ที่ 81 ลบ. +55% YoY และ +67% QoQ โดยรายได้เติบโต 4% QoQ และเติบโต 9% YoY สู่ 708 ลบ. จากยอดขายสายควบคุมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นตามยอดการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ช่วงเดือน (ม.ค.64-มี.ค.64) ที่เพิ่มขึ้น 3% YoY และ 8% YoY ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 14.3% ในไตรมาสก่อนหน้าสู่ 19.9% (สูงสุดในรอบ 10 ไตรมาสตั้งแต่ 4Q18 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 22.2%) เนื่องจาก Economy of scales

•ปรับประมาณการกำไรปี 64 เพิ่มขึ้น 34% สู่ 207 ลบ. เนื่องจากปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นจาก 15% สู่ 16.8% ซึ่งยังต่ำกว่าอัตรากำไรขั้นต้น 6M64 ที่ 17.2% (อัตรากำไรขั้นต้น 2Q64 อยู่ที่ 19.9% สูงที่สุดในรอบ 10 ไตรมาส) จากการควบคุมต้นทุนการผลิตและเกิดการประหยัดจากขนาด

•ความเห็น เราคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตต่อเนื่องตามยอดการผลิตรถยนต์ฟื้นตัวขึ้น และการควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) SF ( ฺBloomberg Consensus 7.30 บาท) CPN ซุ่มแผนเทกโอเวอร์ SF เริ่มปิดดีลซื้อจาก MAJOR สัดส่วน 29.58% สนนราคาหุ้น 12 บาท ก่อนตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้นที่เหลือทั้งหมด จับตาปิดดีลกลางก.ค.นี้ วงการวาณิชเชื่อเป้าหมาย CPN อยู่ที่ “เมกาบางนา” ตัวทำกำไรให้ SF กว่า 80% จากกำไรทั้งหมด พร้อมเสริมฐานธุรกิจห้างสรรพสินค้าฝั่งตะวันออก ส่วน MAJOR เงินสดในมือเพิ่มทันที 7,500 ล้านบาท หลังโควิด-19 พ่นพิษรายได้วูบหนักจนพลิกขาดทุน (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TEAMG ( ฺBloomberg Consensus 2.82 บาท) TEAMG เผยครึ่งปีหลังทิศทางงานเริ่มสดใส เมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐทยอยเข้ามาเพิ่ม หลังค้างท่อจากพิษโควิด-19 ส่วนงานภาคเอกชน ยังอยู่ในภาวะที่ชะลอตัว ขณะที่ปัจจุบันกำงานในมือ 3,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจตามแผน โดยวางงบลงทุนไว้ที่ราว 3,000-4,000 ล้านบาท ในระยะ 5 ปี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) APCS (Bloomberg Consensus - บาท) เล็งแตกไลน์ธุรกิจพลังงานโดยเฉพาะโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากดีมานด์หนุน พร้อมวางเป้ายอดขายธุรกิจ AUTO ปีนี้ทะลุ 800 ล้านบาท และธุรกิจ EPC อีก 2.1 พันล้านบาท ลุ้นครึ่งปีหลังมีโอกาสคว้างานใหม่เพียบ หลังลูกค้าแห่ยื่นออเดอร์ อวดแบ็กล็อกในมือ 4.9 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ATP30 (Bloomberg Consensus - บาท) มองธุรกิจรถรับส่งครึ่งปีหลังสดใส คาดภาพรวมรายได้ทั้งปีทำนิวไฮ มั่นใจรายได้เข้าเป้าโต 20% เตรียมรถ 60 คัน ให้บริการลูกค้าใหม่ เจรจาลูกค้าเข้าพอร์ตต่อเนื่อง ส่วนความร่วมมือพันธมิตร อยู่ระหว่างทดลองเทคโนโลยีและศึกษาแผนขยายบริการ บริหารการเดินรถ (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตา

ในประเทศ

สัปดาห์ที่ 5 สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

30 มิ.ย. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ต่างประเทศ

25 มิ.ย. สหรัฐรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค.

27 มิ.ย. จีนรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.

29 มิ.ย. อียูเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.

           สหรัฐรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จาก Conference Board

1 ก.ค. กาหนดประชุมกลุ่มโอเปคพลัสหารือร่วมกับรัสเซียเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน