ปตท.จบข้อพิพาท RPC รับเงินคืน 600 ล้าน

ปตท.จบข้อพิพาท RPC รับเงินคืน 600 ล้าน

"ปตท." รับเงินคืน 600 ล้านบาท หลังศาลฎีกาพิพากษาข้อพิพาทระหว่างบริษัทกับ "อาร์พีซีจี" ฝั่ง ปตท.จ่าย 2.2 พันล้าน คดีบอกเลิกสัญญา ฟาก RPC จ่าย 2.8 พันล้าน คดีค่าผลิตภัณฑ์

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ตามที่ บริษัทฯ กับ บริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ RPCG มีข้อพิพาทอนุญาโตตุลาการระหว่างกัน สรุปได้ดังนี้

1. ข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 114/2552 หมายเลขแดงที่ 23/2559 RPCG เรียกร้องให้ ปตท. จ่ายค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาโดยไม่มีสิทธิ ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการเสียงข้างมากมีคำชี้ขาดให้ ปตท. จ่ายค่าเสียหายในอัตรา 390,000,000 บาท ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2555 จนถึงวันที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาด (25 มี.ค.2559) คิดเป็นเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตรา 7% ต่อปี ของยอดเงินค่าเสียหายที่ได้จากการคำนวณข้างต้น นับตั้งแต่วันที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดจนถึงวันที่ ปตท. ชำระเงินครบถ้วน และต่อมา ปตท. ยื่นคำร้องต่อขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดต่อศาลแพ่ง และ RPCG ยื่นคำร้องขอให้บังคับตามคำชี้ขาดต่อศาลแพ่ง และเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2562 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ปตท. จึงใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อศาลฎีกา

2. ข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 78/2555 หมายเลขแดงที่ 37/2560 ปตท. เรียกร้องค่าผลิตภัณฑ์ค้างชำระจาก RPCG ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดโดยมติเอกฉันท์ให้ RPCG จ่ายเงินจำนวน 1,555,275,403.59 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา 9.375% ต่อปี คิดจากต้นเงินจำนวน 1,518,108,737.16 บาท นับถัดจากวันยื่นคำเสนอข้อพิพาท (18 พ.ค.2555) จนกว่าจะชำระเสร็จ และต่อมา ปดท. ยื่นคำร้องขอบังคับตามคำชี้ ขาดต่อศาลแพ่ง และ RPCG ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดต่อศาลแพ่ง และเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2562 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของกณะอนุญาโตตุลาการ ปตท. จึงใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อศาลฎีกา

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2564 ตาลแพ่งนัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้งสองคดีดังกล่าวข้างต้น สรุปได้ดังนี้

1. ข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขคำที่ 114/2552 หมายเลขแดงที่ 23/2559 ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลแพ่งให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ คดีถึงที่สุด เป็นผลให้ ปตท. ต้องจ่ายเงินแก่ RPCG เป็นจำนวนประมาณ 2,200 ล้านบาท ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา

2. ข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 78/2560 หมายเลขแดงที่ 37/2560 ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลแพ่งให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ คดีถึงที่สุด เป็นผลให้ RPCG ต้องจ่ายเงินแก่ ปตท. เป็นจำนวนประมาณ 2,800 ล้านบาท ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา

ปตท. จักได้ดำเนินการใช้สิทธิหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่ ปตท. ต้องชำระแก่ RPCG ในข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 114/2552 หมายเลขแดงที่ 23/2559 ดังกล่าวข้างต้นต่อไป

นางสุพรรณี ตัณไชยศรีนคร เลขานุการ บริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ RPC กล่าวว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบผลการตัดสินของศาลฎีกาโดยคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ.3016/2559 และคดีหมายเลขดำที่ พ.6000/2559 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ PTT ชำระค่าเสียหายให้แก่ RPC

ส่วนคดีหมายเลขดำที่ พ.3492/2560 และคดีหมายเลขดำที่ พ.3789/2560 ศาลฎีกากลับคำพิพากษาจากศาลชั้นต้นให้บริษัทฯ ชำระค่าวัตฤดิบคอนเดนเสทเรสซิดิว (CR) ให้แก่ PTT ซึ่งกรณีนี้บริษัทฯได้รับรู้เป็นรายจ่ายบางส่วนในงบการเงินปี 2555 แล้ว

แหล่งข่าวจาก ปตท. กล่าวว่า จากคำพิพพากษาของศาลฎีกา ปตท. จะดำเนินการหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่ ปตท. ต้องชำระแก่ RPCG โดยจำนวนเงินที่ RPCG ต้องจ่ายสูงกว่าจำนวนที่ ปตท. ต้องจ่ายคิดเป็นประมาณ 600 ล้านบาท โดยจะบันทึกบัญชีในไตรมาสที่ 2 ปี 2564