'เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ' ส่องแผน 'ปชป.' จัดทัพเลือกตั้ง
"จุรินทร์" เน้นย้ำลูกพรรคเตรียมพร้อมลงเลือกตั้ง 350 เขตทั่วประเทศ ในสถานการณ์อุบัติเหตุทางการเมืองที่ผันผวนได้ทุกนาที
ท่ามกลางการขยับจากหลายพรรคการเมืองต่อความพร้อมเตรียมการเลือกตั้ง สอดรับกระแสยุบสภาภายหลังร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ผ่านสภาไปแล้วช่วงปลายปี 2564 กำลังเป็นปัจจัยชี้วัดทิศทางทางการเมืองเช่นเดียวกับภาพการเตรียมเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐต่อ "พลังดูด" ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ 24 มี.ค.2562
ในฐานะที่ "พลังประชารัฐ" ถือความได้เปรียบแกนนำรัฐบาล และอยู่ในกลไกทรงอำนาจจากกลุ่ม "3 ป." ทำให้หลายพรรคการเมืองจับตาท่าทีเคลื่อนไหวจากพลังประชารัฐในการเตรียมเลือกตั้งว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เมื่อ "ไพ่ยุบสภา" ในมือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นดัชนีทางการเมืองในอนาคตข้างหน้า
แต่หากมองไปที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง "ประชาธิปัตย์" ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมาได้จัดทัพเตรียมพร้อมการเลือกตั้งไม่น้อยกว่าพรรคการเมืองอื่น ตั้งแต่การเปิดรับคนรุ่นใหม่ แบะการดึงอดีตผู้สมัคร หรือรั้ง ส.ส.ไม่ให้ย้ายพรรคเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 มีกลุ่มอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ในปี 2554 เลือดไหลย้ายออกจากพรรคไปทั้งหมด 17 คน
เป็นการย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐถึง 9 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) 7 คน และพรรคท้องถิ่นไทย 1 คน แบ่งเป็น ภาคใต้ 7 คน ทั้งหมดย้ายไปสังกัดพรรครวมพลังประชาชาติไทย ประกอบด้วย จ.นราธิวาส 3 คน คือนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ นายรำรีมามะ นายเจะอาหมิง โตะตาหยง , จ.สุราษฎร์ธานี 3 คน คือนายธานี เทือกสุบรรณ นายเชน เทือกสุบรรณ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ , จ.ยะลา 1 คน คือนายอับดุลการิม เต็งกะรีนา
ภาคตะวันออก 5 คน ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย จ.ฉะเชิงเทรา 2 คน คือนายบุญเลิศ ไพรินทร์ พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ , จ.จันทบุรี 2 คน คือนายธวัชชัย อานามพงษ์ นายยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา , จ.ชลบุรี 1 คน คือนายสรวุฒิ เนื่องจำนง
กทม. 3 คน ประกอบด้วย นายชื่นชอบ คงอุดม ย้ายไปพรรคท้องถิ่นไทย , นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ และภาคกลาง 2 คน ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย จ.สระบุรี 1 คน คือน.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย , จ.กาญจนบุรี 1 คนคือนายประชา โพธิพิพิธ
การเตรียมความพร้อมครั้งนี้ "ประชาธิปัตย์" พยายามฟอร์มทีมสรรหาผู้สมัคร 350 คนให้พร้อมที่สุด เพื่อวางเป้ากลับมาเป็นพรรคการเมืองใหญ่ให้ได้อีกครั้ง จากโมเดลการสรรหาผู้สมัครมาจาก 3 กลุ่มประกอบด้วย 1.อดีตผู้สมัครเดิมที่ยังทำพื้นที่ 2.ผู้สมัครหน้าใหม่ และ 3.อดีตผู้สมัครที่ย้ายกลับมาเป็นสมาชิกพรรค ในแคมเปญ "เลือดใหม่ไหลเข้า เลือดเก่าไหลกลับ"
โดยเฉพาะในกลุ่ม "ลูกหม้อเก่า" ที่กลับมาอยู่กับประชาธิปัตย์ ซึ่ง "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" หัวหน้าพรรคได้ประเดิมการเปิดรับ "ยุคล ชนะวัฒน์ปัญญา" อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 ที่ย้ายกลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอีกครั้ง
ภายหลัง "ยุคคล" ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐจากการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 การกลับมาบ้านครั้งนี้ "ยุคคล" ยังนำ "ชรัตน์ เนรัญชร" รองเลขาธิการหอการค้าจังหวัดจันทบุรี และ ทพ.อิทธิพล จังสิริมงคล อดีตแพทย์โรงพยาบาลศูนย์จันทบุรี มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคด้วย
ในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค เคยได้เสียง ส.ส.จันทบุรีทั้ง 3 ที่นั่ง แต่จากผลเลือกตั้งใหญ่ 24 มี.ค.2562 ในพื้นที่ 3 เขตจันทบุรีกลับเป็นพรรคอนาคตใหม่ได้ ส.ส.ยกจังหวัด เอาชนะคู่แข่งอันดับ 2 จากพรรคพลังประชารัฐได้ทั้ง 3 ที่นั่ง ซึ่งในเขตเลือกตั้งที่ 2 "ยุคคล" แพ้ให้กับ "จารึก ศรีอ่อน" จากพรรคอนาคตใหม่ซึ่งได้ 28,750 คะแนน เพียง 984 คะแนนเท่านั้น
การกลับมาของ "ดรีมทีมจันทบุรี" ครั้งนี้ประชาธิปัตย์มั่นใจว่าจากตัวเลขผลคะแนนที่ไม่ขาดในการเลือกตั้งครั้งนั้น จะทำให้ประชาธิปัตย์มีโอกาสกลับมาเอาชนะในเขต 2 จากการทำพื้นที่ของ "ยุคคล" และผลงานประชาธิปัตย์ในนโยบายประกันรายได้พืชผลการเกษตร
ส่วนในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะในพื้นที่ 6 จังหวัดอันดามัน ซึ่ง "จุรินทร์ ออนทัวร์" เมื่อวันที่ 11-12 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นอีกโซนนิ่งพื้นที่เขตเลือกตั้ง 6 จังหวัดประกอบด้วย ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์เคาะผู้สมัครครบแล้วทั้ง 11 เขตเช่นกัน
ขณะเดียวกันในพื้นที่กรุงเทพฯ "ประชาธิปัตย์" ได้เปิดตัว "กิตพล เชิดชูกิจกุล" ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง-ประเวศ และเป็นอดีตส.ก. 4 สมัยในแคมเปญ "จุรินทร์ ออนทัวร์" ระหว่างการลงพื้นที่วัดทุ่งเศรษฐี แขวงดอกไม้ เขตสวนหลวง-ประเวศ เพื่อเพื่อมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด
การเปิดตัว "กิตพล" ครั้งนี้ ถือว่าประชาธิปัตย์ได้ประเดิมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.เป็นคนแรกจากทั้งหมด 30 เขต ซึ่งการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ประชาธิปัตย์ไม่ได้ ส.ส.กทม.แม้แต่ที่นั่งเดียว และได้คะแนนป๊อปปูล่าโหวตของพรรคการเมืองเป็นอันดับที่ 4 ที่ 474,820 คะแนน เป็นรองพรรคอนาคตใหม่ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย
ไม่ใช่แค่นั้น แต่ในเขตบางเขน "ประชาธิปัตย์" ได้เคาะชื่อแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.กทม. และเปิดตัวนายจิติ ปิเลี่ยน อดีต ส.ข.เขตบางเขน เป็นผู้สมัคร ส.ก.เขตบางเขน ทำให้ในเขตบางเขน พรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียมผู้สมัครครบแล้วทั้ง 2 คน
แต่สนามเลือกตั้ง กทม.รอบนี้ "ประชาธิปัตย์" ในยุค "จุรินทร์" ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องกลับมาได้เสียงชาวกทม.ได้อีกครั้ง ทั้งจาก ส.ส. ส.ก. หรือผู้ว่าฯ กทม. ผ่าน 3 กลไกผู้สมัครที่ได้วางไว้ เพื่อโอกาสกลับมาเป็นพรรคขนาดใหญ่หรือพรรคขนาดกลางที่จะเป็น "ตัวแปรสำคัญ" ในการตั้งรัฐบาลชุดต่อไป
ตลอดการร่วมรัฐบาลพลังประชารัฐมาตลอด 2 ปี ประชาธิปัตย์ยุค "จุรินทร์" พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและเร่งสร้างผลงานผ่าน 6 กระทรวง โดยเฉพาะการประคับประคองเป้าหมายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ให้ไปตลอดรอดฝั่งให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ที่สำคัญ "จุรินทร์" ยังเน้นย้ำลูกพรรคให้เตรียมความพร้อมในการลงเลือกตั้ง 350 เขตทั่วประเทศ ในสถานการณ์รองรับอุบัติเหตุทางการเมืองที่กำลังผันผวนทุกนาที.