บอร์ด สปสช. ไฟเขียวเบิกจ่าย 'ฟ้าทะลายโจร' รักษาผู้ป่วยโควิดอาการน้อย

บอร์ด สปสช. ไฟเขียวเบิกจ่าย 'ฟ้าทะลายโจร' รักษาผู้ป่วยโควิดอาการน้อย

'บอร์ด สปสช.'รับทราบประกาศฯ บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ฉบับที่ 2 ใช้ ‘ฟ้าทะลายโจร’ รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการน้อย พร้อมมีมติสนับสนุนเบิกจ่าย เป็นสิทธิประโยชน์ใหม่แก่ผู้ใช้สิทธิบัตรทอง

ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 'บอร์ด สปสช.'เมื่อวันที่ 7 มิ.. 2564 ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เป็นประธาน มีมติรับทราบประกาศฯ บัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร ฉบับที่ 2 ซึ่งให้ใช้ยาสารสกัดจาก 'ฟ้าทะลายโจร' และยาจากผง 'ฟ้าทะลายโจร' สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีความรุนแรงน้อย เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง)

162314270239

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีกลุ่มเป้าหมายในการรับยา 'ฟ้าทะลายโจร' ประมาณ 5.26 หมื่นราย ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 15.78 ล้านบาท โดย 'สปสช.'ได้กำหนดอัตราการจ่ายชดเชยแก่หน่วยบริการรายละ 300 บาท

  • 'ฟ้าทะลายโจร'เบิกจ่ายให้แก่'ผู้ป่วยโควิด-19'อาการน้อย

นายอนุทิน กล่าวว่า การบรรจุยา 'ฟ้าทะลายโจร'เข้าในบัญชียาหลักแห่งชาติ ทำให้สามารถเบิกจ่ายยาดังกล่าวให้กับผู้ใช้สิทธิประกันสุขภาพของประเทศได้ ซึ่งผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นคือนอกจากจะเป็นทางเลือกในการรักษาแล้ว ยังสนับสนุนให้เกิดการใช้ยาจาก'สมุนไพร'เพิ่มขึ้น ตลอดจนเป็นการสนับสนุนภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมยาจาก 'สมุนไพร'ภายในประเทศ ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางยา ลดการพึ่งพายาแผนปัจจุบันที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศลงไปได้ในอีกทางหนึ่ง

162314272141

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ยา 'ฟ้าทะลายโจร'ได้รับการบรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติอยู่แล้ว แต่ได้กำหนดข้อบ่งชี้เอาไว้ในการบรรเทาอาการของโรคหวัด เช่น เจ็บคอ น้ำมูกไหล มีไข้ เท่านั้น โดยล่าสุดราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศให้ใช้ยา'ฟ้าทะลายโจร'ได้ใน 'ผู้ป่วยโควิด-19'ที่มีความรุนแรงน้อย เพื่อลดการเกิดโรคที่รุนแรง

  • 'บอร์ด สปสช.'เห็นชอบใช้'ฟ้าทะลายโจร'

ทั้งนี้ 'บอร์ด สปสช.' ได้รับทราบประกาศฯ และเห็นชอบให้ใช้ยาสารสกัดจาก 'ฟ้าทะลายโจร' และยาจากผง'ฟ้าทะลายโจร'แก่ผู้ใช้สิทธิบัตรทองได้ โดยใช้งบประมาณจาก ... กู้เงินฯ รายการงบที่เตรียมไว้จ่ายเพิ่มเติมเป็นค่ายาสำหรับรายที่อาการรุนแรงปานกลางถึงมาก ซึ่งมีวงเงินทั้งสิ้น 28.8 ล้านบาท โดยการอนุมัติสิทธิประโยชน์นี้ จะไม่เป็นภาระงบประมาณแต่อย่างใด

162314273843