ครม.เพิ่ม 2 พันล้านบาทเวนคืนที่ดินรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

ครม.เพิ่ม 2 พันล้านบาทเวนคืนที่ดินรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

ครม.เคาะค่าเวนคืนที่ดินรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน อีก 2.1 พันล้านบาท ขอจ่ายก้อนแรก 580 ล้าน ป้องกันผิดสัญญาส่งมอบที่ดิน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)รับทราบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) กรณีการขยายกรอบวงเงินค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินฯ จากเดิม 3,570 ล้านบาท เพิ่มเป็นไม่เกิน 5,740 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,170 ล้านบาท

ทั้งนี้ในส่วนกรอบการเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้น ครม.เห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณจากงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนปีงบประมาณ 2564 - 2565 โดยในปีงบประมาณ 2564 จัดสรรงบกลางฯวงเงิน 580 ล้านบาท และในปี 2565 จัดสรรงบกลางฯให้วงเงิน1,562 ล้านบาท

 

สำหรับงบกลางฯปี 2564 ที่ต้องจัดสรรให้ก่อนในวงเงิน 580 ล้านบาทนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ให้ข้อมูลว่าฝ่ายรัฐต้องส่งมอบพื้นที่โครงการช่วงสุวรรณภูมิถึงอู่ตะเภาให้เอกชนคู่สัญญาภายในวันที่ 24 ต.ค.2564 จึงมีความจำเป็นต้องได้รับการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวภายในวันที่ 8 มิ.ย.2564 เพื่อให้ส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนคู่สัญญาได้ทันตามที่กำหนดในสัญญาร่วมลงทุนไม่เช่นนั้น รฟท.จะมีความเสี่ยงที่จะผิดสัญญาร่วมลงทุน ซึ่งคู่สัญญาอาจมีหนังสือแจ้งรฟท.ให้สัญญาร่วมลงทุนมีผลสิ้นสุดลง หรือใช้สิทธิ์เรียกค่าเสียหายได้แก่ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ย

โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบินนี้ เป็นการพัฒนาพื้นที่โครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์เดิม ช่วงพญาไทถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการแอร์พอร์ต เรลลิงก์ส่วนต่อขยาย ช่วงท่าอากาศยานดอนเมืองถึงพญาไท จำนวน 10 สถานี และโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา 5 สถานี รวมระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เชื่อมต่อระหว่างท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานอู่ตะเภา แบบไร้รอยต่อ

 

โดยให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการในรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งเอกชนจะเป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง ดำเนินกิจการ และบำรุงรักษา รวมถึงเป็นผู้รับความเสี่ยงเกี่ยวกับรายได้ค่าโดยสารและปริมาณผู้โดยสารที่มาใช้บริการทั้งหมด คาดว่าในปีที่เปิดให้บริการ จะมีผู้โดยสารประมาณ 1.47 แสนคนต่อวัน และระหว่างการก่อสร้างจะทำให้เกิดการจ้างงาน1.6 อัตราและเพิ่มมูลค่าการพัฒนาเศรษฐกิจ กว่า 2.14 แสนล้านบาท