เตรียมให้พร้อม!! ก่อน-หลัง 'ฉีดวัคซีนโควิด-19'

เตรียมให้พร้อม!! ก่อน-หลัง 'ฉีดวัคซีนโควิด-19'

เช็คที่นี่ !! รวบรวมทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการเตรียมตัว ก่อน-หลัง 'ฉีดวัคซีนโควิด-19' ดูแลตัวเองรับวัคซีนป้องกันโรคเพื่อตัวเอง และคนรอบข้าง

กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาลได้ประกาศชัดเจนว่าในเดือนมิ.ย. นี้ ทุกคนที่ลงทะเบียนจองคิว 'ฉีดวัคซีนโควิด-19ผ่านระบบแอพพลิเคชั่น 'หมอพร้อม' ,โรงพยาบาลใกล้บ้าน และรพ.สต.  หรือลงทะเบียนในศูนย์บริการวัคซีนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ จะได้ 'ฉีดวัคซีนโควิด-19' เพื่อป้องกันโรค

ทว่า ด้วยข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมตัว ก่อน- หลัง 'ฉีดวัคซีนโควิด-19' ที่มีออกมาจำนวนมาก จนทำให้หลายคนอาจเกิดความสงสัยว่าควรเตรียมพร้อม ดูแลตัวเองอย่างไร? กันแน่ 

“คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” จึงได้จัดบรรยายหัวข้อ Fact No Fake : Coved-19 Vaccination ครั้งที่ 1 เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนในการเตรียมตัวรับการฉีดวัคซีน ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีน การเตรียมตัวและการดูแลตัวเองภายหลังการฉีดวัคซีน

ผศ.ดร.สุราศักดิ์ ตรีนัย และดร.ชลลดา จงสมจิตต์ คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาฯ ช่วยกันอธิบายว่าอยากจะรณรงค์ให้ทุกคนฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใดที่มีอยู่  เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ลดการแพร่ระบาดของโรค ส่วนในอนาคตหากมีวัคซีนทางเลือกเข้ามา ทุกคนสามารถเลือกฉีดวัคซีนตามที่ตนเองต้องการได้ ดังนั้น ก่อนและหลังไปรับ'วัคซีนโควิด'ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อม โดยข้อมูลบางส่วนมาจากประสบการณ์ตรง และได้รวบรวมข้อมูลจากองค์การอนามัยโรค กระทรวงสาธารณสุข ราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  เพื่อให้คำตอบที่ชัดเจนแก่ประชาชนทุกคน

  • เตรียมตัวก่อนไป 'ฉีดวัคซีนโควิด-19'

ดร.ชลลดา กล่าวว่า สำหรับการเตรียมตัวก่อนไปรับวัคซีน  โดยวัคซีนตอนนี้ที่ทุกคนจะได้ฉีดส่วนใหญ่จะเป็นวัคซีนซิโนแวค ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าจะเข้ามาเร็วๆ นี้ ซึ่งวัคซีน 2 ชนิดนี้แม้จะมีกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน แต่การดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลัง รวมถึงอาการต่างๆก็จะใกล้เคียงกัน การเตรียมตัวก่อนไปฉีดวัคซีน เริ่มแรกต้องตรวจสอบประวัติการรับวัคซีนของตนเอง ซึ่งหากไปรับวัคซีนตัวอื่นๆ มาก่อนหน้านี้ควรงด 1 เดือนก่อนไปฉีดวัคซีน  

รวมถึง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย กินยารักษาโรคประจำตัวได้ตามปกติ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทานอาหารได้ตามปกติ ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร ดื่มชา/กาแฟได้ หากดื่มเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่ควรออกกำลังกายหนักว่าที่เคยทำเป็นประจำ เตรียมข้อมูลเรื่องโรคปจะตัว ประวัติการรักษาของตนเอง ตรวจสอบร่างกายตนเอง ต้องไม่ป่วย โหลดแอพพลิเคชั่น หมอพร้อม ตรวจสอบ วัน/เวลาและสถานที่รับวัคซีนให้แน่นอน

162255953260

  • ต้องรู้! ใคร 'ฉีดวัคซีนโควิด-19'ไม่ได้ 

ดร.ชลลดา กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่รับวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้ คือ ผู้ที่มีโรคประจำตัวและไม่สามารถควบคุมได้ ตั้งครรภ์ไตรมาศที่ 1 หรือท้องใน 3 เดือนแรก ไม่สบาย มีไข้ครั่นเนื้อครั่นตัว  มีไข้สูง ท้องเสียรุนแรง มีประวัติแพ้วัคซีนอย่างรุนแรงในครั้งแรก  มีประวัตแพ้สารเฉพาะตัว เช่น สารในยางพารา  ซึ่งยางพาราเป็นส่วนประกอบของตัวใส่วัคซีน ส่วนเรื่องกาแฟไม่ต้องงดกาแฟ ทานได้ แต่ช่วงหลังฉีดวัคซีน ถ้าดื่มกาแฟจะทำให้มีอาการใจสั่นมากขึ้น  หรือดื่มสุราเหล้าเบียร์ควรจะงดทั้งก่อนและหลังการฉีดวัคซีนขณะที่เรื่องของการกินยาคุมกำเนิดนั้น ราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์ ออกประกาศชัดเจนไม่ต้องงดกินยาคุมกำเนิด สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ แต่ขอให้แจ้งแพทย์

สำหรับการปฎิบัติตัวในวันที่ไปรับวัคซีนนั้น แนะนำให้ใส่ชุดที่สะดวกในการรับวัคซีน เช่น เสื้อแขนกุด หรือเสื้อที่พับ/ถลกแขนเสื้อได้ง่าย ไม่ใส่เสื้อผ้าที่คับ หนา และรุ่มร่ามเกินไป  กินอาหารเช้าได้ตามปกติ ดื่มชา-กาแฟได้ หากดื่มเป็นประจำ  ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย มาก่อนเวลานัดซักเล็กน้อย ดื่มน้ำให้เพียงพอ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย รักษามาตรการป้องกัน การติดเชื้ออย่างเคร่งครัด คือ สวมหน้ากากอยู่ห่าง ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ไม่ควรกินยาลดไข้ไว้ก่อน  

ส่วนการเตรียมตัวไปฉีดวัคซีน ต้องเตรียมบัตรประชาชน ใบนัดรับวัคซีน ปากกาเพื่อไว้กรอกข้อมูลต่างๆ เจลแอลกอฮอล์ ไม่พกสัมภาระไปเยอะ และที่สำคัญในการฉีดวัคซีนควรสวมใส่หน้ากากตลอดเวลา

  • ปิดทุกขั้นตอน 'ฉีดวัคซีนโควิด-19'

ผศ.ดร.สุราศักดิ์ กล่าวว่าขั้นตอนเมื่อเข้ารับการ'ฉีดวัคซีนโควิด-19' ที่โรงพยาบาลจะใช้เวลา 5-7 นาที รอดูอาการ 30 นาที โดยก่อนจะเข้ารับบริการ มีการคัดกรอง วัดไข้ ล้างมือ ก่อนเข้ารับบริการในขั้นตอนที่ 1 จะมีการลงทะเบียน ทำบัตร ขั้นตอนที่ 2 ชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต วัดไข้ อัตราการเต้นของหัวใจ ขั้นตอนที่ 3 จะทำการคัดกรอง ซักประวัติ ประเมินความเสี่ยง ลงนามในใบยินยอมการรับวัคซีน ขั้นตอนที่ 4 รอฉีดวัคซีน ขั้นตอนที่ 5 ฉีดวัคซีน

ขั้นตอนที่ 6 พักสังเกตอาการ 30 นาที สแกน Line Official Account 'หมอพร้อม' ขั้นตอนที่ 7 จุดตรวจสอบก่อนกลับ พร้อมรับเอกสาร การปฏิบัติตัวหลังฉีดวัคซีน ขั้นตอนที่ 8 Dash Board ประเมินผลความครอบคลุมการฉีดวัคซีนและอาการไม่พึงประสงค์ (Line OA หมอพร้อม) ทั้งนี้  Line OA หมอพร้อม ติดตามวัคซีนหลังฉีดตั้งแต่ 1 วัน , 7 วัน ,30 วัน แจ้งนัดหมายฉีดครั้งที่ 2 รับใบยืนยันการฉีดวัคซีน

  • ข้อแนะนำปฎิบัติตัวหลัง 'ฉีดวัคซีนโควิด-19'

ผศ.ดร.สุราศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า การปฎิบัติตัวหลังรับวัคซีนมื่อกลับถึงบ้าน ขอให้ทุกคนพักผ่อนให้เต็มที่ ดื่มน้ำเยอะๆ รับประทานอาหารได้ตามปกติ ไม่นวด คลึงบริเวณที่ฉีดวัคซีน ออกกำลังกายได้ตามปกติ แต่งดออกกำลังกายอย่างหนัก 1-2 วัน งดออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงที่แขนข้างที่ถูกฉีดยา 1-2 วัน งดยกของหนัก 1-2 วัน และหากมี 'อาการไม่พึงประสงค์'หลังฉีดวัคซีน ซึ่งอาการไม่พึงประสงค์นี้จะมีทั้งแบบไม่รุนแรง เช่น มีไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนน้อยกว่า 5 ครั้ง อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปวดบวมแดง ร้อนบริเวณที่ฉีดวัคซีน อาการอื่นๆ เช่น ท้องเสีย ผื่นแดงเล็กน้อยสามารถกินยาลดไข้   พักผ่อน ดื่มน้ำเยอะๆ หรือเช็ดตัวลดไข้ได้  

แต่ถ้ามีอาการรุนแรงควรพบแพทย์ทันที เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง ผื่นขึ้นทั้งตัว เหนื่อยแน่นหน้าอก หรือหายใจไม่ออก ซักหรือหมดสติ อาเจียนมากกว่า 5 ครั้ง มีจุดเลือดออกจำนวนมาก ปากเบี้ยว หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรก อาการป่วยรุนแรงอื่นที่กังวลมากๆ  ส่วนอาการแพ้วัคซีน จะมีอาการผื่นขึ้น ลมพิษ คัน บวมที่ใบหน้า/ปาก/ลำคอ  หายใจติดขัด ความดันโลหิตต่ำ คลื่นไส้ ปวดท้อง อาการเหล่านี้จะคล้ายๆ กับแพ้อาหาร ซึ่งอาการแพ้จะเกิดขึ้นประมาณ 20-30 นาทีแรก ซึ่งทุกคนจะนั่งอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว เมื่อมีอาการจะได้รับการดูแลอย่างดี

“การดูแลตนเองหลังรับวัคซีน หากมีไข้สามารถกินยาลดไข้ได้ หากมีผื่น (อาจพบได้ในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้) กินยาแก้แพ้ได้ หากยังรู้สึกปวด หรือบวมบริเวณที่ฉีดยา  สามารถประคบเย็นได้ เมื่อครบ 24 ชม.แล้วยังบวมอยู่ให้ประคบอุ่นแทน และที่สำคัญเมื่อฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว ทุกคนต้องสวมหน้ากาก ล้างมือให้บ่อย รักษาระยะห่างทางสังคม และมาฉีดวัคซีนให้ครบตามนัดหมายทั้ง 2 เข็ม เพราะการฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันไม่ใช่การรักษาโรค ดังนั้น เมื่อฉีดวัคซีนแล้วสามารถเป็นโรคโควิดได้”ผศ.ดร.สุราศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในการ'ฉีดวัคซีนโควิด-19' ทุกคนควรจะฉีด และติดตามข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุข หรือสื่อหลัก และควรมองว่าฉีดวัคซีนไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนรอบข้าง  เพื่อสังคมไทยได้ปลอดโรค