BH - ถือ (10 พ.ค.64)

BH - ถือ (10 พ.ค.64)

ไม่มีปัจจัยบวกในระยะสั้น

BH พึ่งพารายได้จากคนไข้ขาวต่างชาติอย่างมาก (67% ของรายได้ทั้งหมดก่อน COVID) เราคาดกำไรของ BH จะฟื้นตัวเมื่อมีการเปิดประเทศน่าจะภายใน 4Q21 ในระยะสั้นเรายังไม่เห็นปัจจัยบวกที่จะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับขึ้น แม้ว่าโรงพยาบาลจะมีรายได้เกี่ยวกับ COVID มากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยรายได้จากคนไข้ต่างชาติที่ลดลงได้ (ปกติเป็นคนไข้ที่รักษาโรคค่าใช้จ่ายสูง) เราคงคำแนะนำ ถือ   

รายได้เกี่ยวกับ COVID ไม่สามารถชดเชยรายได้คนไข้ชาวต่างชาติที่ลดลง

BH มีรายได้เกี่ยวกับบริการ COVID เพิ่มขึน 36% qoq สู่ 515ลบ. ใน 1Q21 คิดเป็น 19.5% ของรายได้ทั้งหมด แต่ไม่สามารถชดเชยรายได้ที่ลดลงจากคนไข้ชาวต่างชาติ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.7พันลบ. ใน 1Q20  เราเชื่อว่ากำไร BH จะฟื้นตัวอย่างชัดเจนเมื่อมีการเปิดประเทศ ซึ่งเราคาดว่าภายใน 4Q21 โดยโรงพยาบาลมีคนไข้ต่างชาติประมาณ 300 รายรอรับการรักษา

 

ทรัพยากรจำกัดสำหรับการให้บริการ COVID และเป็นบริการแบบพรีเมียม

เนื่องจากบริษัทเป็นโรงพยาบาลเดี่ยว จึงมีทรัพยากรจำกัดในการให้บริการ COVID มีจำนวนเตียงให้บริการ Covid เพียง 65 เตียงหรือ 11% ของจำนวนเตียงทั้งหมด (อัตราการใช้เตียง 62%), 170 ห้องสำหรับ hospitel ที่โรงแรม Anantara Riverside (อัตราการใช้ห้อง 15%) และการตรวจ COVID 400 รายต่อวัน (อัตราการใช้ 67%) และมีการให้บริการแบบพรีเมียมเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลอื่น โดยรายได้เฉลี่ยต่อคนไข้ของสถานกักตัวทางเลือก (ASH) อยู่ที่  273,000บาท (เทียบกับคู่แข่ง 30,000-100,000บาท), สถานพยาบาลกักตัวทางเลือก (AHQ) 569,000บาท การตรวจ COVID 5,000-6,000 บาท (เทียบกับ 3,500-4,000บาท), คนไข้ใน COVID 0.5-1.0ล้านบาท (เทียบกับ 100,000-500,000บาท) 

 

งบดุลแข็งแกร่ง

BH จะให้ความสำคัญกับการบริหารกระแสเงินสด เราคาดว่างบการลงทุน 1พันลบ. ในปีนี้สำหรับงบการซ่อมบำรุงและการก่อสร้างอาคารจอดรถในซอยนานา 1 ส่วนอีกสองอาคารที่เหลือจะก่อสร้างในภายหลัง ประกอบกับสถานะเงินสดสุทธิ (net cash) 6.6พันลบ. ณ สิ้น 1Q21 เราเชื่อว่าบริษัทสามารถจะคงระดับเงินปันผลต่อหุ้นที่ 3.2บาทในปี 2021-2023 ได้ ผลตอบแทน 2.4%