โรงเรียนสังกัด กทม. ปรับแผนรับ 'โควิด' จัดสอนผสมผสาน '5 On'

โรงเรียนสังกัด กทม. ปรับแผนรับ 'โควิด' จัดสอนผสมผสาน '5 On'

โรงเรียนสังกัด กทม.ปรับแผนรับ "โควิด" จัดสอนผสมผสาน '5 On' กำชับมาตรการคุมเข้มใน รร.

วันที่ 30 เม.. นายเกรียงยศ สุดลาภา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัด กทม. รองรับการเลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 จากวันที่ 17 .. เป็นวันที่ 1 มิ.. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อการเรียนรู้ของผู้เรียน ว่า การเลื่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 ไปเป็นวันที่ 1 มิ.. ทำให้วันเปิดภาคเรียนล่าช้าไปจากเดิมประมาณ 2 สัปดาห์ คิดเป็นวันเรียนประมาณ 10 วัน ซึ่งโรงเรียนสามารถจัดการเรียนการสอนชดเชยให้ครบตามหลักสูตรได้ภายหลังจากเปิดการเรียนการสอนแล้ว

นายเกรียงยศ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ จะมีการสอนชดเชยที่โรงเรียน หรือผ่านช่องทางต่าง ตามความพร้อมของผู้เรียนในช่องทางใดช่องทางหนึ่ง หรือผสมผสานกันในรูปแบบ 5 On ได้แก่ 1.On Line ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง 2.On Air ทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เช่นDLTV 3.On Hand จัดส่งหนังสือ แบบเรียน แบบฝึกหัด หรือใบงานที่โรงเรียนจัดทำขึ้นไปยังนักเรียนผ่านผู้ปกครอง 4.On Site จัดการเรียนเป็นกลุ่มเล็ก และเรียนในสถานที่ที่ปลอดภัย และ 5.On School Line โดยใช้ช่องทาง Group Line ของแต่ละห้องเรียนเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างครูประจำชั้นกับผู้ปกครองและนักเรียน รวมถึงใช้เป็นช่องทางการมอบหมายงาน หรือส่งการบ้าน

161975581721

นายเกรียงยศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ โรงเรียนสามารถพิจารณาให้เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียน สภาพแวดล้อมและทรัพยากรที่เอื้ออำนวยและสอดคล้องกับสถานการณ์ ขณะเดียวกันได้เพิ่มความเข้มข้นมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในโรงเรียนสังกัด กทม.โดยให้โรงเรียนจัดการเรียนการสอนในที่สถานที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก งดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของนักเรียน หรือหากมีการรวมกลุ่มต้องรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลและใช้เวลาน้อยที่สุด จำกัดจำนวนผู้ปกครองและบุคคลที่จะเข้าภายในบริเวณโรงเรียนเพื่อลดความแออัด

นายเกรียงยศ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองมารับบุตรหลานที่โรงเรียน ต้องจัดพื้นที่พักคอยสำหรับผู้ปกครองบริเวณหน้าโรงเรียนรวมทั้งจัดให้มีการตรวจคัดกรองอุณหภูมิร่างกายนักเรียน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา กทม. บุคลากรของโรงเรียน และผู้มาติดต่อราชการทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนให้ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย 3 ครั้ง/1วัน คือ ก่อนเข้าโรงเรียน ก่อนรับประทานอาหารกลางวัน และก่อนเดินทางกลับบ้าน พร้อมทั้งประสานผู้ปกครองให้ตรวจคัดกรองบุตรหลานก่อนพามาโรงเรียน หากมีอาการไข้ ไอจาม หรืออาการอื่นใดให้นักเรียนหยุดเรียน เพื่อเฝ้าดูอาการที่บ้าน หรือพบแพทย์ โดยขอความร่วมมือผู้ปกครองแจ้งข้อมูลการเจ็บป่วยของนักเรียนให้โรงเรียนทราบด้วย

นายเกรียงยศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันยังได้กำหนดให้นักเรียน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานครบุคลากรของโรงเรียน ผู้ปกครอง และผู้มาติดต่อราชการ ต้องสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าทุกคนตลอดเวลาอย่างเคร่งครัดขณะเดียวกันต้องเว้นระยะห่างในห้องเรียน ระหว่างทางเดิน หรือในขณะทำกิจกรรมในโรงเรียน การย้ายห้องเรียน การเหลื่อมเวลาเรียน หรือเวลาพักรับประทานอาหาร รวมทั้งจัดให้มีที่ล้างมือด้วยสบู่ เจลแอลกอฮอล์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกโรงเรียนให้เพียงพอต่อการใช้งาน โดยให้คุณครูสอนวิธีการล้างมือ 7 ขั้นตอน 20 วินาที ตามแนวทางของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

161975583059

นายเกรียงยศ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันขอให้โรงเรียนหมั่นทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัสต่างๆ ที่ใช้ร่วมกัน อาทิ สนามเด็กเล่นห้องน้ำลูกบิดประตู อาคารสถานที่และบริเวณโรงเรียนโดยสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ตลอดจนให้คำแนะนำผู้ปกครองติดตามข้อมูลข่าวสารการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ และหลีกเลี่ยงการพาบุตรหลานไปในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อกรณีโรงเรียนพบนักเรียนที่สงสัยติดเชื้อโควิด-19 ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ให้แยกเด็กออกมาจากผู้อื่น จากนั้นแจ้งผู้ปกครองและแจ้งสายด่วนสุขภาพ 1646 ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ หรือแจ้งศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. ในพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์ตามเกณฑ์สอบสวนโรคต่อไป

161975584380