'กลาโหม' เร่งปรับ 22 พื้นที่ควบคุมโรคของรัฐ รับผู้ป่วยฟื้นตัวจากโควิด

'กลาโหม' เร่งปรับ 22 พื้นที่ควบคุมโรคของรัฐ รับผู้ป่วยฟื้นตัวจากโควิด

'กลาโหม' ระบุ แปรสภาพสถานกักตัวควบคุมโรคของรัฐ จำนวน 22 แห่ง เป็นหอผู้ป่วย รองรับผู้ติดเชื้อที่ฟื้นตัวจากโรงพยาบาล เริ่มใช้งานได้เดือน พ.ค.นี้ จำนวน 7 แห่ง

  24 เม.ย.2564 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เรียกประชุม นขต.กห. เหล่าทัพ กอ.รมน.และ ตร. ผ่านระบบทางไกล ณ ศาลาว่าการกลาโหม เพื่อเร่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของ สธ.รับมือกับสถานการณ์ โควิด-19 
พล.อ.ชัยชาญ’ ได้กำชับทุกเหล่าทัพ ขอให้เร่งขับเคลื่อนงานตามนโยบายของ นายกรัฐมนตรี ที่สั่งการให้เร่งระดมทรัพยากรที่มีอยู่เข้าไปเสริมและสนับสนุนการทำงานของ สธ.รับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ที่ปัจจุบัน มีผู้ป่วยติดเชื้อและรอรับการรักษามากขึ้น 
โดยขอให้เร่งจัดทำห้องผู้ป่วยหนัก ( ICU ) และขยายความสามารถของโรงพยาบาลทหาร

พร้อมทั้งจัดหาพื้นที่ในหน่วยทหารเพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการสนับสนุนหน่วยราชการในพื้นที่ จัดทำโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น โดยให้ประสานทำงานกับ สธ.ให้มีปริมาณเตียงเพียงพอ รองรับปริมาณผู้ป่วยในแต่ละสัปดาห์ที่มีการประเมิน พร้อมทั้งให้จัดรถพยาบาลจาก รพ.ทหาร รวมการให้การสนับสนุน ศปก.ศบค.และศูนย์เอราวัณ รับและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตกค้างเข้ารับการรักษา

รมช.กลาโหม ยังได้กำชับ ขอให้เร่งแปรสภาพสถานกักตัวควบคุมโรคของรัฐ ( SQ ) ที่ กระทรวงกลาโหมดูแลอยู่รวม 22 แห่ง เป็นหอผู้ป่วย ( Hospitel ) รองรับผู้ป่วยที่ฟื้นตัวจากโรงพยาบาลโดยเร็ว  โดยให้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขและผู้ประกอบการที่มีความพร้อม  ทั้งนี้ให้ SQ ที่พร้อมแปรสภาพเป็น Hospitel แล้ว จำนวน 7 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้ 1,712 เตียง สามารถปฏิบัติงานได้ภายในต้น พ.ค.64   อย่างไรก็ตาม ขอให้ประสานกับกระทรวงต่างประเทศและยังคงการบริหารจัดการ SQ ที่เหลืออยู่ให้มีเพียงพอกับปริมาณคนไทยในต่างประเทศที่ประสงค์เดินทางกลับต่อไป

นอกจากนี้ พล.อ.ชัยชาญ’ ยังได้ย้ำนโยบายของ นรม.และรมว.กห. ขอให้ทุกเหล่าทัพ พิจารณาจัดบุคลากรในสายงานแพทย์ที่ผ่านการอบรม เข้าไปช่วยเสริมการทำงานของ สธ.ในการรับสายด่วน 1668 เพื่อรองรับปริมาณการแจ้งและดูแลผู้ป่วยที่มีมากขึ้นด้วย  พร้อมทั้งขอให้พิจารณาสนับสนุน กทม.เป็นการเร่งด่วน จัดตั้ง รพ.สนามในพื้นที่คลองเตย ซึ่งมีผู้ติดเชื้อจากการแพร่ระบาดเพิ่มมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการรักษาและการควบคุมโรคร่วมกันในภาพรวม