ฝาก 'องค์กร' ใช้มาตรการ 'Work From Home' ป้องกันโควิด-19

ฝาก 'องค์กร' ใช้มาตรการ 'Work From Home' ป้องกันโควิด-19

สธ.ย้ำ "องค์กร" หน่วยงานรัฐและเอกชน ใช้มาตรการ "Work From Home" (WFH) พร้อมออกมาตรการคัดกรอง ป้องกันโรค ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดโควิด-19

นพ.โอภาส  การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าการระบาดระลอกนี้เริ่มจากสถานบันเทิง แต่มีการระบาดไปติดคนในครอบครัว สถานศึกษา และสถานที่ทำงานค่อนข้างมากและกระขายอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ขณะนี้เมื่อมีการติดในโรงเรียน เด็กจะไม่มีอาการแต่ครอบครัวไทยมีปู่ย่าตายาย หากมีการติดในกลุ่มผู้สูงอายุจะน่าเป็นห่วง

สรุปสถานการณ์โรคโควิด-19 ในขณะนี้ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน มีกิจกรรมมาก เริ่มจากสถานบันเทิงไปผู้สัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว และมีแนวโน้มระบาดต่อเนื่องไปในโรงเรียน หน่วยงาน "องค์กร" และสถานประกอบการได้ ขอให้ทุกคนมีมาตรการส่วนบุคคล ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการเดินทางหากไม่จำเป็น และป้องกันตนเองตลอดเวลาด้วยมาตรการ DMHTTA

  •  "องค์กร" ใช้มาตรการ "WFH" ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19

ขณะที่ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เป็นวันเริ่มต้นของการทำงาน อยากให้ทุก"องค์กร" หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ผู้ประกอบการ ห้างร้าน ภาคเอกชน ท้องถิ่นร่วมมือกันลดความเสี่ยงต่อการระบาด โดยดำเนินการมาตรการ ทำงานที่บ้าน หรือ Work from home หรือ "WFH" และต้องมีการคัดกรองพนักงาน จัดทำแผนการเฝ้าระวัง

โดยองค์กรต้องงดกิจกรรมรวมกลุ่ม งานเลี้ยงสังสรรค์ของคนใน "องค์กร"  รวมทั้งเว้นระยะห่างขณะทานอาหาร ประชุมระบบออนไลน์ สวมหน้ากากตลอดเวลา จัดจุดเจลแอลกอฮอล์ จัดให้มีจุดคัดกรองเข้า-ออกสถานที่ทำงาน วัดอุณหภูมิร่างกาย จัดให้มีการประเมินความเสี่ยงของพนักงานประจำวัน แยกภาชนะของใช้ส่วนตัว ทำความสะอาดเครื่องมือ อุปกรณ์ที่มีคนสัมผัสจำนวนมากๆ แจ้งพนักงานทรายหากมีอาการทางเดินหายใจ ให้รีบพบแพทย์

  • แนะฉีด "วัคซีนใจ" 4 เข็ม เพิ่มพลังใจ รับมือโควิด-19

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าจากการเฝ้าระวังปัญหา "สุขภาพจิต"โดยการคัดกรองเชิงรุก ตั้งแต่วันที่ 1-15 เม.ย.2564 พบว่า ภาพรวมประชาชนมีภาวะความเครียดสูง และมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า มีแนวโน้มปัญหา "สุขภาพจิต"เริ่มสูงขึ้น

โดยมีผู้เข้าร่วมคัดกรอง 38,550 ราย พบกลุ่มเสี่ยง 38,804 ราย  โดยได้รับการติดตามแล้ว 20,849 ราย ยังไม่ได้รับการติดตาม 17,593 ราย ทั้งนี้ เมื่อจำแนกพลังใจของประชาชน ส่วนมากยังอยู่ในระดับสูงและปานกลาง คงตัวจากช่วงก่อนหน้านี้ แต่ในจังหวัดที่มีการระบาดมาก ประชาชนเริ่มมีความเสี่ยงด้าน "สุขภาพจิต"มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเครียด หรือซึมเศร้า

“อยากให้ทุกคนฉีดวัคซีนใจ 4 เข็ม คือ เข็มแรก ความรู้สึกปลอดภัย อยากให้ทุกคนสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรต้องไม่เปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันโรคเหล่านี้ ต่อด้วยเข็มที่ 2 ต้องไม่ตระหนัก อยากให้รับฟังข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ลดการใช้ข้อมูลที่จำเป็น เข็มที่ 3 เรื่องความหวัง ควรเลือกว่าจะมองมุมบวกมากกว่ามุมที่จะทำให้ห่อเหี่ยวใจ และเข็มที่ 4 รู้สึกถึงความเข้าใจ  ซึ่งถ้าทุกคนฉีด "วัคซีนใจ"ทั้ง 4 เข็มนี้ ไม่ว่าสถานการณ์โรคจะเป็นอย่างไร จะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้”พญ.พรรณพิมล กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 'ล็อกดาวน์'เราต้องรอด 'WFH'อย่างไร ให้ชีวิตปัง

                     จะทำงานอย่างไร เมื่อ 'ล็อกดาวน์' เกิดได้ทุกเมื่อ แต่ธุรกิจก็ต้องมูฟออน!