‘ดอน’ แจงไม่เคยผลักดันผู้อพยพ ชี้ข้ามคืนมีโจมตี ทะลักเพิ่ม 1,600

‘ดอน’ แจงไม่เคยผลักดันผู้อพยพ ชี้ข้ามคืนมีโจมตี ทะลักเพิ่ม 1,600

“ดอน ปรมัตถ์วินัย” ชี้แจงข้อสงสัยผลักดันผู้อพยพกลับ “เมียนมา” ย้ำปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม แต่เพียงข้ามคืน มีโจมตีอีก ทำให้มีอพยพกลับเข้ามาเพิ่มอีก กว่า 1,600 คน

เมื่อวันที่ 2 เมษายน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกรณีที่มีการกล่าวหาว่าไทยได้ผลักดันชาวเมียนมาซึ่งหนีภัยสู้รบกับประเทศ โดยยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิมนุษยธรรมและให้การดูแลช่วยเหลือชาวเมียนมามาอย่างช้านาน ในอดีตเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน ตนเคยเป็นเจ้าหน้าที่โต๊ะเมียนมาก็มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเช่นกัน

นายดอนกล่าวว่า เมื่อประเทศเพื่อนบ้านมีการสู้รบ ก็มีผู้ที่เดินทางเข้ามายังฝั่งไทย โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็มารักษาตัวในโรงพยาบาลไทย เมื่อรักษาเสร็จก็เดินทางกลับประเทศ ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเมื่อเหตุการณ์สงบก็เดินทางกลับประเทศต้นทางเช่นกัน สถานการณ์เป็นเช่นนี้มาหลายสิบปีโดยที่ไทยไม่ต้องมีการผลักดันแต่อย่างใด เว้นแต่ในปีพ.ศ. 2527 ที่เกิดเหตุรุนแรงครั้งใหญ่ ทำให้ชาวเมียนมาหลายแสนคนอพยพเข้ามาอยู่ในหลายจังหวัดของไทย และมีการตั้งค่ายผู้อพยพขึ้นถึง 9 แห่ง ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เดินทางกลับไปแล้ว แต่ก็ยังมีชาวเมียนมาที่อยู่ในค่ายอพยพเหล่านี้ตามแนวชายแดนไทยอีกราว 90,000 คน

นายดอนกล่าวว่า ประเทศไทยมีสถานะที่ต่างจากประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เรามีพรมแดนติดต่อกับเมียนมาถึง 2,000 กว่ากิโลเมตร และมีปัญหาการปักปันเขตแดนกันมาอย่างยาวนาน โดยขณะนี้มีการปักปันไปได้แค่ 50-60 กิโลเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้าของเถื่อน อาวุธสงคราม และแรงงานหลบหนีข้ามแดน

นายดอนกล่าวต่อว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด เนื่องจากสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ซึ่งสู้รบติดพันกับกองทัพเมียนมามานานได้เข้ายึดฐานของกองทัพเมียนมาได้ ทำให้ฝ่ายกองทัพเมียนมาเอาคืนโดยส่งเครื่องบินมาบินถล่ม หลายวันก่อนจึงมีกลุ่มชาวกะเหรี่ยงราว 2,800 คนเดินทางข้ามมายังฝั่งไทย เมื่อสถานการณ์สงบก็มีการเดินทางกลับไปจำนวนหนึ่ง และเหลืออยู่ในฝั่งไทย 216 คน แต่พอข้ามคืนก็มีเหตุโจมตีขึ้นอีก ทำให้มีการเดินทางเข้ามายังฝั่งไทยอีก 1,600 กว่าคน จนทำให้เป็นข่าวและตกอกตกใจกันมาก รวมถึงมีข่าวทางโซเชียลมีเดียว่าไทยผลักดันคนเหล่านี้กลับประเทศ ทั้งที่เหตุการณ์ทั้งหมดก็มีการดำเนินการกันตามแนวปฏิบัติเดิมที่ทำกันมาตลอดเท่านั้น

“สำหรับประเทศไทยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมาเรามีการรับมือที่พิเศษกว่าประเทศอาเซียนอื่นๆ มาตลอด การดำเนินการของเราที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นไปโดยยึดหลักมนุษยธรรมของผู้ที่หนีร้อนมาเพิ่งเย็น แต่ขณะนี้มีคนจำนวนมากที่ไม่รู้ประวัติศาสตร์ดั้งเดิม ไม่รู้ว่าไทยทำอย่างไรในช่วงหลายสิบที่ผ่านมา และไม่เข้าใจว่าเรายึดหลักมนุษยธรรมเป็นตัวตั้งเสมอ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประเทศไทยไม่เคยมีปัญหากับเมียนมา”นายดอนกล่าว

เมื่อถามว่าสหประชาชาติก็ออกมาเรียกร้องให้ชาติอาเซียนรองรับผู้หนีภัยสู้รบจากเมียนมา ได้สั่งให้มีการชี้แจงอย่างไร นายดอนกล่าวว่า ได้สั่งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นครนิวยอร์กชี้แจงข้อเท็จจริงแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติในปัจจุบันไม่ได้รู้เรื่องหรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชายแดนไทย-เมียนมามาตั้งแต่อดีต จึงมีการพูดขั้นตอนต่างๆ ตามสิ่งที่เขามองว่าเป็นขั้นตอนการดำเนินการตามมาตรฐานของเขา จึงต้องบอกให้เขาได้รับรู้และเข้าใจข้อเท็จจริง เรายืนยันว่าไทยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยธรรมมาตลอด ซึ่งไม่ใช่แค่วันนี้แต่เราทำมานานมาก