IVL ตั้งงบลงทุน 1 พันล้านเหรียญ หนุนยอดขายปี 64 โต 12%

IVL ตั้งงบลงทุน 1 พันล้านเหรียญ หนุนยอดขายปี 64 โต 12%

"อินโดรามา เวนเจอร์ส" วางงบลงทุนปี 64 มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เดินหน้าจัดโครงสร้างธุรกิจ-ลดต้นทุน พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 12% อานิสงส์เศรษฐกิจฟื้นตัว

นายวิกาซ จาลัน รองประธานด้านกลยุทธ์ การวางแผน และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางรายจ่ายและงบลงทุน (CAPEX) ในปี 2564 ไว้ที่ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปี 2563 ที่ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมีรายจ่ายเข้าซื้อกิจการบริษัท Huntsman ภายใต้โครงการสปินเดิลทอป (Spindletop) มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่งบลงทุนในปีนี้เน้นใช้จ่ายในโครงการ Olympus หรือ โครงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจ และการจัดการความเป็นเลิศด้านต้นทุน ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทฯ ประหยัดต้นทุนได้มากถึง 195 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลา 2 ปีต่อจากนี้ และตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไปจะช่วยลดต้นทุนได้ปีละ 610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ถัดมาเป็นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการรีไซเคิลเพื่อสนับสนุนความยั่งยืน และสุดท้ายการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ปัจจุบันมีโครงการลงทุนในไปป์ไลน์ที่อยู่ระหว่างศึกษา โดยยืนยันว่าทุกโครงการลงทุนของบริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้กลับคืนมาภายใน 4-5 ปีภายหลังการลงทุน

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2564 คาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีจากปีก่อน ทั้งธุรกิจไฟเบอร์ ธุรกิจเม็ดพลาสติกผสม (Combined PET) และธุรกิจออกไซด์และอนุพันธ์แบบบูรณาการ (IOD) เนื่องจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น ส่งผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัยท่ามกลางภาวะโควิด-19 ต่อเนื่องจากปีก่อน เช่น หน้ากากอนามัย และผ้าเปียก เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายปี 2564 เติบโต 12% โดยเป็นการเติบโตจากธุรกิจ Combined PET ประมาณ 7-8% และอีก 2 ธุรกิจที่เหลือคาดการณ์ยอดขายเติบโต 20%

ด้านต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ ปัจจุบันอยู่ที่ 3,25% ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ที่มีต้นทุนทางการเงินคงที่ 70% ล่าสุด บริษัทฯ รีไฟแนนซ์เงินกู้มูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายหลังการเข้าซื้อกิจการในโครงการ Spindletop โดยได้รับเงินกู้มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อายุ 9 ปี ซึ่งเป็นสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน (Blue Loan) ทั้งจากบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ฯลฯ โดยจะนำไปใช้ลงทุนในธุรกิจรีไซเคิลต่อไป ขณะที่ในช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมาได้รับเงินทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากตลาดสินเชื่อในโตเกียว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการระดมทุนหุ้นกู้ในประเทศมูลค่า 9 พันล้านบาท อายุเฉลี่ย 7 ปี ซึ่งผลจากการรีไฟแนนซ์ จะทำให้บริษัทสามารถกระจายหนี้ออกไปอีกกว่า 10 ปี ขณะที่ในปี 2564 นี้ บริษัทฯ จะยังคงสภาพคล่องที่แข็งแกร่งต่อไป