NMG 9 เดือนปี63 ขาดทุน 128ล้าน ปิดสื่อสิ่งพิมพ์-ช่องทีวี ฉุดโฆษณาวูบ

     ล่าสุด บริษัทเนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) แจ้งผลประกอบการ ของบริษัทย่อย สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2563 โดย แสดงผลขาดทุนส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 128.59ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปี 2562 ซึ่งมีผลกำไรจำนวน 144.80 ล้านบาท คิดเป็นการเปลี่ยนแปลงลดลง 189%

    ทั้งนี้หากไม่รวมการรับรู้ ส่วนต่างค่าชดเชยจากการคืนใบอนญุาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทศัน์จำนวน 331.35ล้านบาท และ กำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน180.36ล้านบาทกลุ่มบริษัทจะมีผลขาดทุน ในปี2562จำนวน 366.91 ล้านบาท

      บริษัทขอชี้แจ้งผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญ โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ สำหรับงวดเก้าเดือนของปี 2563 เพิ่มขึ้น ร้อยละ8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี2562 โดยมีสาเหตหลักดังนี้

      โดยมาจาก รายได้ค่าโฆษณาลดลง 28%  สาเหตุหลักเนื่องจากบริษัทย่อยได้คืนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่อง 26 แก่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการ โทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(“กสทช.”) และมีมติให้ยุติการออกอากาศในวันที่ 16 ส.ค. 2562 ส่งผลกระทบทำให้รายได้ลดลงจากปีก่อน

     นอกจากนี้ รายได้จากการจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์ลดลง 53 % สาเหตุหลัก เนื่องจากการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้กลุ่มบริษัทได้ยุติการประกอบธุรกิจหนังสือพิมพ์ “The Nation” เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2562

     ทั้งนี้ ยังรวมถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019(COVID-19)กลุ่มบริษัทได้ยุติการประกอบธุรกิจหนังสือพิมพ์ “คมชัดลึก” เมื่อวัรที่ 9เม.ย. ทำให้รายได้ลดลงจากปีก่อน

      ส่วน รายได้จากการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และรายได้จากให้บริการนำเที่ยวเพิ่มขึ้น  100%  เนื่องจากธุรกิจ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางสื่อโทรทศัน์ในระบบดิจิทัลและสื่อออนไลน์และธุรกิจให้บริการนำเที่ยว ของบริษัทย่อทางอ้อมที่เพิ่มขึ้น

     ด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายสำหรับงวดเก้าเดือนของปี2563 ลดลง10 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของ ปี 2562

      ส่วนใหญ่ลดลงเกิดจากต้นทุนขายและบริการของธุรกิจหนังสือพิมพ์ และธุรกิจทีวีดิจิตอลช่อง 26 ที่มีการยุติการประกอบธุรกิจ

      ทั้งนี้ ในปี 2562 กลุ่มบริษัทมีกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 180.36ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้จำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทร่วมแห่งหนึ่งในไตรมาส3ปี2562

      นอกจากนี้ ในปี 2562 กลุ่มบริษัทมีรายได้ส่วนต่างค่าชดเชยจากการคืนใบอนญุาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการ โทรทัศน์จำนวน331.35ล้านบาทเนื่องจากบริษัทย่อยได้คืนใบอนญุาตให้ใช้คลนื่ความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลช่อง26