ผอ.อคส.ยันสอบวินัยจนท. ปูดคลิปสนทนาถุงมือยางฉาว ทำตามระเบียบ

ผอ.อคส.ยันสอบวินัยจนท. ปูดคลิปสนทนาถุงมือยางฉาว ทำตามระเบียบ

ผอ.อคส.ยันทำตามระเบียบสอบจนท.อสค.นำข้อมูลถุงยางฉาวให้ฝ่ายค้านในศึกซักฟอก ชี้เจ้าตัวหากเห็นว่าไม่เป็นธรรมโต้แย้งคำสั่งได้ รับมีแรงกดดันสะสางทุจริตในอคส. วอนทุกฝ่ายจับมือพาองค์กรเดินหน้าสร้างรายได้

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายสุทธินันท์ จิยะอมรเดช อดีตผู้อำนวยการสำนักธุรกิจ องค์กรคลังสินค้า(อคส.) นำข้อความสนทนาทางแอพพลิเคชั่นไลน์ไปเผยแพร่จนไปปรากฎเป็นข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2564ได้ไปร้องขอความเป็นธรรมต่อ นายประเสริฐ จันทรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่าถูกตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงโดยไม่เป็นธรรมนั้น เรื่องนี้เป็นระเบียบปฏิบัติของทุกหน่วยงานเมื่อมีเหตุเกี่ยวกับวินัยก็ต้องมีการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงหากผู้ถูกกล่าวหาเห็นว่าไม่เป็นธรรมก็สามารถโต้แย้งคัดค้านคำสั่งตามระเบียบข้อบังคับที่เป็นกลไกให้ความเป็นธรรมขององค์การได้ไม่ใช่ออกไปร้องทุกข์ต่อบุคคลอื่น 


อย่างไรก็ตามบุคคลซึ่งถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเป็นหนึ่งในฐานะกรรมการที่นำเงินไปลงทุนและเห็นชอบอนุมัติให้ถอนเงินฝากประจำของ อคส.2000 ล้านบาทเพื่อเป็นค่ามัดจำให้กับเอกชนในการจัดซื้อถุงมือยาง ซึ่งการเร่งรัดจ่ายเงินให้กับเอกชนให้ทันเวลาซึ่งเป็นเงื่อนไขของเอกชนจุดนี้จึงเป็นพิรุธอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว หากไม่อนุมัติในครั้งนั้น อคส.ก็ไม่ต้องเสียหายอย่างที่ทราบกัน แต่กลับมาเคลื่อนไหวให้เป็นข่าวในช่วงนี้เพื่อร่วมมือกับฝ่ายใดในลักษณะหวังผลทางการเมืองหรือไม่ ทั้งนี้พฤติการณ์ดังกล่าวก็เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความเสียหายต่อองค์กรและไม่เป็นที่ไว้วางใจ

" เป็นเรื่องที่แปลกอย่างมากทั้งที่ผมในฐานะผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าคนใหม่เข้ามาแก้ไขพยายามตามเงิน 2,000 ล้านบาทคืน ซึ่งได้รับความร่วมมือของหน่วยงานจากองค์กรอิสระทั้ง ดีเอสไอ ปปง. ปปช. ที่ทำงานร่วมกันอย่างหนักจนสามารถจนปปช.อายัดบัญชีส่วนหนึ่งไว้ได้ภายใน 50 วันนับจากวันที่ตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 10 ก.ย. 2563   “


นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินการการเรื่องนี้ต้องรอบคอบและรัดกุมตามกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ขององค์กรแต่กลับมีการสร้างแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกตลอดเวลา โดยตนได้ทำตามแนวทางที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่หากมีหลักฐานชัดเจนการทุจริตจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด ไม่เพียงเรื่องนี้แต่รวมถึงการสะสางคดีจำนำข้าวด้วย ซึ่งการที่ตนเข้ามาก็พบความพยายามขัดขวาง ข่มขู่ ใส่ร้ายจากหลายคนในองค์กรแทนที่จะร่วมมือกัน  ส่วนความคืบหน้าการสืบสวนทางวินัยนั้นทางจะมีการแถลงความคืบหน้าและขั้นตอนกระบวนการตามระเบียบในสัปดาห์หน้า

นายเกรียงศักดิ์  กล่าวว่า หลังจากนี้ก็อยากให้บุคคลกรของอคส.จ้บมือร่วมกัน เพื่อเดินหน้าทำงานเพื่อพัฒนาองค์กร พัฒนาสายธุรกิจเพื่อหารายได้เพื่อประโยชน์ต่อองค์กรต่อไป