‘เฟซบุ๊ค’ ดัน ‘แคมเปญออนไลน์’ ลดเสี่ยงโลกโซเชียล
หลายปีที่ผ่านมาการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ทว่าที่น่าเป็นห่วงคือผู้คนจำนวนไม่น้อยกลับยังไม่คุ้นเคยกับวิธีการรักษาความปลอดภัยความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคลมากเท่าที่ควร
การศึกษาโดย “YouGov” ร่วมกับ “เฟซบุ๊ค” ในหัวข้อที่เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยเมื่อเร็วๆ นี้พบว่า 81% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่าพาสเวิร์ดสำหรับโซเชียลเน็ตเวิร์คของตนเองนั้นปลอดภัยเป็นอย่างมากและค่อนข้างมาก โดย 72% กล่าวว่า พวกเขาไม่ได้แชร์พาสเวิร์ดของตัวเองกับผู้อื่น ในขณะที่ 67% บอกว่าพวกเขาใช้พาสเวิร์ดที่ประกอบด้วยตัวหนังสือและตัวเลข
อย่างไรก็ตาม มีเพียง 58% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่รู้จักการยืนยันตัวตนผ่านสองขั้นตอน (2-factor authentication หรือ 2FA) ขณะเดียวกันผู้ตอบแบบสอบถามทุกคนสามารถระบุสถานการณ์อย่างน้อยหนึ่งสถานการณ์ที่สามารถทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง (phishing) และมีเพียง 40% ที่สามารถระบุลักษณะทั้งหมดที่เกี่ยวของกับการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งได้อย่างถูกต้อง
เดินหน้าลงทุนเสริมความปลอดภัย
อารีแอน เฮเมเนซ ผู้จัดการฝ่ายความเป็นส่วนตัวและนโยบายสาธารณะ เฟซบุ๊ค ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า เฟซบุ๊ครับทราบถึงปัญหาดังกล่าวและให้ความสำคัญอย่างมากเรื่องการรักษาความปลอดภัยความเป็นส่วนตัว ที่ผ่านมาจึงมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการสร้างประสบการณ์ออนไลน์ที่ปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัว
“นอกจากการพัฒนาปรับปรุงแพลตฟอร์มมาอย่างต่อเนื่อง เราได้มีการลงทุนด้านบุคลากร ระบบ เทคโนโลยี ซึ่งผู้ใช้จะเห็นได้ว่าเครื่องมือต่างๆ ที่ให้บริการเอื้อให้สามารถควบคุมเนื้อหาได้ด้วยตนอง มีการเข้ารหัสข้อมูล นโยบายการจัดเก็บข้อมูลที่รัดกุม ขณะเดียวกันการเข้าไปตั้งค่าต่างๆ ทำได้ง่าย เข้าถึงได้ในคลิกเดียว”
ปัจจุบัน การเข้าถึงของแอพจากผู้พัฒนาภายนอกยังถูกจำกัดให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้เพียงไม่กี่อย่าง และต้องได้รับอนุญาตของผู้ใช้ก่อนที่จะเข้าถึงได้ มากกว่านั้นหากต้องการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวที่ลึกขึ้นกว่าที่กำหนดไว้เบื้องต้นจะต้องได้รับอนุญาตจากเฟซบุ๊คก่อน และหากแอพนั้นๆ ไม่ถูกเข้าใช้เกินกว่า 3 เดือน สิทธิที่เคยได้รับอนุญาตก็จะถูกถอนออกไป
สำหรับเครื่องมือหลักๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบความปลอดภัย เช่น Privacy Checkup ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้ง่ายๆ และช่วยแนะนำผู้ใช้งานให้สามารถตั้งค่าความปลอดภัยให้กับบัญชีของตัวเอง หรือฟีเจอร์ “Why Am I Seeing This” ที่จะอธิบายให้ผู้ใช้งานได้เข้าใจว่าทำไมถึงเห็นโพสต์นั้นๆ ในฟีดข่าวของตน นอกจากนั้นยังมีตัวช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยต่างๆ บนอินสตาแกรม
ดันแคมเปญออนไลน์เสริมทักษะ
เธอกล่าวว่า แนวทางการทำงานเพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลของผู้ใช้งานมีหลายมิติ รวมถึงการจัดทำเคมเปญทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่ออบรมให้ความรู้ รวมไปถึงร่วมทำงานกับบุคคลหรือองค์กรภายนอก เพื่อตรวจสอบความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
ล่าสุด เปิดตัวแคมเปญ “Love & Lock: Facebook Privacy Café Virtual Edition” เพื่อให้ความรู้ แก่ผู้ใช้งานชาวไทย และเสริมประสบการณ์การใช้งานออนไลน์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยแคมเปญดังกล่าวจัดขึ้นครอบคลุมทั้งแบบออนไลน์ พร้อมมีกิจกรรมออฟไลน์ควบคู่กันไป
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
โดยแคมเปญล่าสุดนี้เป็นแคมเปญระดับโลกที่นำฟีเจอร์การควบคุมความเป็นส่วนตัวต่างๆ มาเป็นหัวข้อหลัก และเพื่อให้ผู้ใช้งานชาวไทยสามารถเข้าถึงแคมเปญนี้ได้ในวงกว้างเฟซบุ๊คประเทศไทยได้จัดทำไมโครไซต์ซึ่งนำเสนอเคล็ดลับให้ความรู้ พร้อมควิซคำถามง่ายๆ เพื่อทำให้ผู้เยี่ยมชมมีความเข้าใจในหัวข้อนี้มากขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือบริเวณใกล้เคียงยังสามารถแวะเยี่ยมชมเฟซบุ๊คคาเฟ่แบบป็อปอัพที่ร้านชานมไข่มุกยอดฮิต Cha Bar สาขาลิโด้ คอนเนคท์ ซึ่งจะช่วยเสริมประสบการณ์การเรียนรู้จากแคมเปญออนไลน์ที่ตกแต่งพิเศษ เหมาะกับการถ่าย รูปลงสตอรี่ โดยเป็นผลงานการออกแบบของนักวาดภาพประกอบชื่อดัง Sundae Kids ระหว่างวันที่ 26-28 ก.พ.นี้ และพิเศษสำหรับผู้ที่ทำควิซ Love & Lock ออนไลน์ จะได้รับชานมบรรจุขวดลิมิเต็ดอิดิชั่นจากเฟซบุ๊คด้วย
“การเดินหน้าให้ความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นให้กับคนไทยเพื่อปกป้องข้อมูลออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจของเรา การที่ผู้คนมีความเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาแชร์ออนไลน์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยเราต้องการที่จะสร้างวิธีการให้ความรู้ในรูปแบบที่ เข้าใจง่าย เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น”