เช็คค่าโดยสาร 'สายสีเขียว' ใหม่สูงสุดตลอดสาย 104 บาทเริ่ม 16 ก.พ.นี้

เช็คค่าโดยสาร 'สายสีเขียว' ใหม่สูงสุดตลอดสาย 104 บาทเริ่ม 16 ก.พ.นี้

ด่วนที่สุด "อัศวิน" ลงนามประกาศ กทม.กำหนดค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 15-45 บาท ยาวตลอดสายสูงสุด 104 บาทเริ่ม 16 ก.พ.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.15 .ของวันที่ 15 ม.ค. กรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้เผยแพร่ประกาศ กรุงเทพมหานคร ลงนามโดยพล...อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่อง การกำหนดค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยมีเนื้อหาดังนี้ ด้วยปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้เปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวแก่ประชาชน ตลอดแนวเส้นทาง และจะดำเนินการจัดเก็บค่าโดยสารโดยไม่มีการเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน อาศัยอำนาจตามข้อ 4 แห่งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าบริการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ..2552 จึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้

161076165229

1.ยกเลิกประกาศกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2560 เรื่อง ค่าโดยสารโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ตอนที่ 1 (ชอยสุขุมวิท 85 ชอยสุขุมวิท 107 ระยะทาง 5.25 กิโลเมตร และส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 2 (ตากสิน-เพชรเกษม) ระยะทาง 6.3 กิโลเมตร

2.ในประกาศนี้ กำหนดดังนี้

(1) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต หมายถึง โครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียว จากสถานีห้าแยกลาดพร้าว (N9) ถึงสถานีคูคต (N24) จำนวน 16 สถานี

(2) โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร หมายถึง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามแนวเส้นทางสัมปทาน แบ่งเป็นสายสุขุมวิท 17 สถานี จากสถานีอ่อนนุช (E9) ถึงสถานีหมอชิต (N8) และสายสีลม จำนวน 6 สถานี จากสถานีสนามกีฬาแห่ชาติ (W1) ถึงสถานีสะพานตากสิน (S6) รวมจำนวน 23 สถานี

(3) โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสีลม ช่วงที่ 1 หมายถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายสายสีลม ระยะทาง 2.2 กิโลเมตร จากสถานีกรุงธนบุรี (S7) ถึงสถานีวงเวียนใหญ่ (8) จำนวน 2 สถานี

(4) โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท หมายถึง โครงการรถไฟฟ้าสายสีขียว ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ระยะทาง 5.25 กิโลเมตร จากสถานีบางจาก (E10) ถึงสถานีแบริ่ง (E14) จำนวน 5สถานี

(5) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ หมายถึง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว จากสถานีสำโรง (E15) ถึงสถานีเคหะสมุทรปราการ (E23) จำนวน 9 สถานี

(6) โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร ส่วนต่อขยายสายสีลม ช่วงที่ 2 หมายถึง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายสายสีลม ระยะทาง 5.3 กิโลเมตร จากสถานีโพธิ์นิมิตร (S9) ถึงสถานีบางหว้า (S12) จำนวน 4 สถานี

3.ให้จัดเก็บค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ดังนี้

(1) ค่าโดยสารในเส้นทาง ตามข้อ 2(1) กำหนดในอัตรา 15-45 บาท (ปรับเพิ่มขึ้น 3 บาท/สถานี)

(2) ค่าโดยสารในเส้นทาง ตามข้อ 2(2) และข้อ 2(3) เป็นไปตามตารางค่าโดยสาร ที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) กำหนด

(3) ค่าโดยสารในเส้นทาง ตามข้อ 2(4) และข้อ 2(5) กำหนดในอัตรา 15-45 บาท (ปรับเพิ่มขึ้น 3 บาท/สถานี)

(4) ค่าโดยสารในเส้นทาง ตามข้อ 2 (6) กำหนดในอัตรา 15-24 บาท (ปรับเพิ่มขึ้น 3 บาท/สถานี

การจัดเก็บค่าโดยสารแรกเข้าตามข้อ 3 (1) ถึง 3(4) ให้จัดเก็บเพียงครั้งเดียว และให้จัดเก็บ อัตราค่าโดยสารตลอดเส้นทางไม่เกิน 104 บาท ตามตารางแนบท้ายประกาศนี้ ตั้งแต่วัน 16 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป

ประกาศ วันที่ 15 มกราคม ..2564

161072069086

161072069942

นอกจากนี้ กทม.ยังได้ออกคำชี้แจงของต่อการปรับอัตราค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมด ดังนี้ สืบเนื่องจากการเปิดให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตที่ทยอยเปิดให้บริการเดินรถตั้งแต่วันที่ เมษายน 2561 และเปิดให้บริการเดินรถเต็มทั้งระบบ ในวันที่ 16 ธันวาคม 2563 โดยในช่วงทดลองให้บริการซึ่งยังไม่มีการเดินรถเต็มรูปแบบไม่มีการเรียกเก็บค่าโดยสารจากผู้ใช้บริการเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปีมาแล้ว เนื่องจาก กทม.ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน

บัดนี้เมื่อมีการเปิดให้บริการเดินรถเต็มทั้งระบบแล้ว ประกอบกับ กทม.มีภาระค่าใช้จ่ายในการเดิน รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มเรียกเก็บค่าโดยสารจากผู้ใช้บริการในส่วนต่อขยายสายสีเขียว ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 โดยผู้ใช้บริการในส่วนหลัก ช่วงหมอชิต-อ่อนนุช จะไม่ได้รับผลกระทบยังคงเสียค่าโดยสารในอัตราเดิม และจะไม่มีการเรียกเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนกันระหว่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลัก (หมอชิต-อ่อนนุช และสะพานตากสิน-สนามกีฬาแห่งชาติ) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า และอ่อนนุช-แบริ่ง และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) โดยประชาชนจะจ่ายค่าแรกเข้าสำหรับการใช้บริการโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเพียงครั้งเดียวต่อรอบ ปรากฏตามตารางด้านล่างนี้

161072115691

ทั้งนี้ อัตราค่าโดยสารของโครงการสายสีเขียวสูงสุดตลอดสายจะอยู่ที่ 158 บาท แต่เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 กทม.จะปรับอัตราค่าโดยสารสูงสุดตลอดสายอยู่ที่ 104 บาท ซึ่ง กทม.จะมีผลขาดทุนจากการดำเนินการส่วนต่อขยายประมาณปีละ 3,000-4,000 ล้านบาทเมื่อนับรวมตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปี 2572 จะมีผลขาดทุนถึงประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท รายละเอียดปรากฏตามตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้

161072120669

ตลอดเวลาที่ผ่านมา กทม.ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนจากการปรับอัตราค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยกทม.ได้พยายามหาทางแก้ไข รวมถึงศึกษาแนวทางการดำเนินการต่างๆ ซึ่ง กทม.เห็นว่าแนวทางการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) เป็นแนวทาง ที่เหมาะสมและดีที่สุดในการที่จะมาแก้ปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยจะให้เอกชนเข้ามารับภาระหนี้สินของ กทม.เพื่อที่จะทำให้ กทม.สามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ไม่เป็นภาระต่อประชาชนจนเกินสมควร และจะทำให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณะที่ปลอดภัย สะดวก และมีประสิทธิภาพอยู่เหมือนเดิม

โดยในปัจจุบันนี้ กทม.อยู่ระหว่างการนำเสนอแก้ไขสัญญาสัมปทานต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งหากมีการเห็นชอบแล้ว การแก้ไขสัญญาสัมปทานนี้จะช่วยลดอัตราค่าโดยสารสูงสุดจาก 104 บาท เป็น 65 บาท ลดลง 39 บาท และแก้ไขภาระหนี้สินกว่า 120,000 ล้านบาทของ กทม.ได้ ซึ่งประกอบด้วย 1.ภาระหนี้สินเดิมที่เกิดขึ้นจากการรับโอนโครงการส่วนต่อขยายที่ 2 ทั้งในส่วนเงินต้นค่างานโยธาที่ประมาณ 55,000 ล้านบาทและภารดอกเบี้ยในอนาคตอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท 2.ค่าลงทุนในงานระบบ (E&M) ในส่วนต่อขยายที่ 2 ประมาณ 20,000 ล้านบาท 3.ภาระหนี้ค่าจ้างงานเดินรถค้างจ่ายอีกประมาณ 9,000 ล้านบาท และ 4.ภาระผลขาดทุนจากการดำเนินการส่วนต่อขยายตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปี 2572 รวมอีกประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท นอกจากนี้ เอกชนยังต้องแบ่งส่วนแบ่งรายได้ค่าโดยสารหลังปี 2572 ให้ กทม.อีกกว่า 200,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งเพิ่มเติมในกรณีที่ผลประกอบการจริงดีกว่าที่คาดการณ์ตอนเจรจา

กทม.ยืนยันว่า ภายใต้อำนาจของ กทม.จะพยายามแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอย่างดีที่สุดเพื่อให้ลดผลกระทบและความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด โดย กทม.จะอธิบายถึงเหตุผลความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับจากการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนต่อรัฐบาล เพื่อที่จะให้สามารถปรับอัตราค่าโดยสารให้ค่าโดยสารของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตลอดสายลดลงมาเหลือ 65 บาทโดยเร็วที่สุด.