‘หุ้นโรงไฟฟ้า-รถอีวี’ดาวเด่น หลัง‘ไบเดน’รวบตึงอำนาจ

‘หุ้นโรงไฟฟ้า-รถอีวี’ดาวเด่น หลัง‘ไบเดน’รวบตึงอำนาจ

บรรยากาศการเมืองในสหรัฐร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง หลังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นที่อาคารรัฐสภา กลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

หลังกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมารวมตัวประท้วงและบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา ระหว่างที่มีการประชุมเพื่อรับรองชัยชนะของ “โจ ไบเดน” จนต้องมีการประกาศเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกจากบ้าน

แม้ในที่สุดเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ แต่ก็มีคำถามตามมามากมายว่าเกิดอะไรขึ้น? กับประเทศที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตยอย่าง “สหรัฐ”

ขณะที่ในฝั่งของ “ทรัมป์” ​แม้ว่าเวลานี้จะยังไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ยังยืนยันว่าตัวเองถูกโกง แต่ในความเป็นจริงแล้วเวลาของทรัมป์ในทำเนียบขาวกำลังจะหมดลง เพราะล่าสุดคณะผู้เลือกตั้งได้ลงมติรับรองโจ ไบเดน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ หลังเหตุการณ์ความวุ่นวายสงบลง

ทั้งนี้ โจ ไบเดน จะเข้าพิธีสาบานตนอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค. นี้ และถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพรรคเดโมแครตที่สามารถกุมอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งในทำเนียบขาว สภาสูงและสภาล่าง หรือ ที่เรียกว่าปรากฎการณ์ “Blue Wave” หรือ “คลื่นสีน้ำเงิน”

โดยล่าสุดผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) รอบสองในรัฐจอร์เจีย “ราฟาเอล วอร์นอค” และ “โจน ออสซอฟฟ์” จากพรรคเดโมแครตคว้าชัยชนะไปได้ ทำให้จำนวน ส.ว. ของเดโมแครตเพิ่มเป็น 50 คน เท่ากับพรรครีพับลิกัน

ซึ่งในทางปฏิบัติเมื่อมีการโหวตร่างกฎหมายอะไรก็ตาม เมื่อคะแนนเสียงออกมาเท่ากัน ประธานวุฒิสภาซึ่งมีรองประธานาธิบดีเป็นประธานโดยตำแหน่งจะเป็นผู้ชี้ขาด นั่นหมายความว่า สิทธิทั้งหมดจะอยู่ที่ “กมลา แฮร์ริส”

แน่นอนว่าเมื่อกระแส “Blue Wave” เกิดขึ้น ข้อกฎหมายหรือนโยบายต่างๆ ของโจ ไบเดน และพรรคเดโมแครต มีโอกาสที่จะผ่านการอนุมัติได้ง่ายขึ้น ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่คาดว่าจะมีการอัดฉีดเงินออกมาอีกหลายล้านล้านดอลลาร์

และอีกหลายมาตรการที่กำลังจะตามออกมา เช่น การขึ้นภาษีบุคคลธรรมดาในอัตราสูงสุดที่ 39.6% จากเดิม 37% และ ภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 28% ซึ่งในฝั่งตลาดทุนมองว่าจะทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลออกจากสหรัฐไปยังตลาดเกิดใหม่เพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในนั้น  

นอกจากนี้ ไบเดน ยังมุ่งส่งเสริมพลังงานสะอาด อย่างโซลาร์ฟาร์ม, วินด์ฟาร์ม ซึ่งจะมาแทนที่พลังงานฟอสซิล กลายเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า, บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า, แบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน ซึ่งช่วงนี้จับมือบวกกันถ้วนหน้า เพราะถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง และยังไม่รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 จำกัดเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ

ขณะที่ในทางตรงกันข้าม น้ำมันจะค่อยๆ ลดความสำคัญลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงไปด้วย กลายเป็นปัจจัยบวกต่อ “หุ้นเดินเรือ” และ “หุ้นปิโตรเคมีขั้นปลาย” ที่น้ำมันถือเป็นต้นทุนหลักในการทำธุรกิจ

ส่วนหุ้นส่งออก ทั้งกลุ่มอาหาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จะได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่น่าจะผ่อนคลายลง แม้ว่าไบเดนจะยังมองว่าจีนมีนโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม แต่คงไม่ใช้มาตรการตอบโต้รุนแรงเหมือนทรัมป์ โดยสหรัฐจะหันหน้าเข้าสู่เวทีเจรจาการค้าระหว่างประเทศมากขึ้นเพื่อสร้างพันธมิตรไว้ถ่วงดุลอำนาจกับจีน