วัคซีนดันหุ้นไทยทะลุ1,500จุด คลายกังวลโควิด-แรงซื้อกลุ่มโรงไฟฟ้า

วัคซีนดันหุ้นไทยทะลุ1,500จุด คลายกังวลโควิด-แรงซื้อกลุ่มโรงไฟฟ้า

หุ้นไทย พุ่ง 38 จุด ทะลุ 1,500 จุด วอลุ่มทะลัก 1.15 แสนล้าน “ยูโอบี ” ชี้ นักลงทุนคลายกังวลโควิดระบาดในประเทศหลังผู้ติดเชื้อลดลง ขณะรัฐบาล สั่งซื้อวัคซีนเพิ่ม หนุนความมั่นใจ พร้อมแรงซื้อกลุ่มโรงไฟฟ้า เก็งงบไตรมาส1ออกดี เหตุไฮซีซั่น

       ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวานนี้ (5 ม.ค.)ผันผวนโดยในช่วงเช้าปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,466.05 จุด ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นแรงในช่วงบ่ายและกลับมาปิดตลาดที่ 1,506.65 จุด เพิ่มขึ้น 38.41 จุด หรือ 2.62% มูลค่าซื้อขาย 115,299.85 ล้านบาท หลังรัฐบาลสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโควิดเพิ่มขึ้น สร้างความมั่นใจและแรงหนุนจากหุ้น DELTA และ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งหากรวม2 วันทำการ (4-5 ม.ค.) หุ้นไทยขึ้น 57.3 จุด

     ด้านนักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 2,980.33 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,198.50 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 58.22 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 4,120.61 ล้านบาท

     ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ประกาศให้หุ้น DELTA ติดแคชบาลานซ์ ตั้งแต่ 6-26 ม.ค.2564 โดยลูกค้าต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับบริษัทหลักทรัพย์เต็มจำนวนก่อนซื้อหลักทรัพย์


      นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจาก นักลงทุนคลายความกังวลหลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่ลดลงจากวันก่อนหน้า และ รัฐบาลมีการสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19มากขึ้น อีก 63 ล้านโดส

.    ซึ่งจะฉีดให้ประชาชนได้อีก 31.5 ล้านคน ทำให้เมื่อรวมกับครั้งก่อนที่สั่งก็จะมีวัคซีนฉีดให้ประชาชนได้ประมาณ50%ของประชากรไทย ซึ่งการที่จะมีภูมิคุ้มกันหมู่ จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้กันประชาชน50%ของประชากรทั้งประเทศ จึงทำให้ตลาดตอบรับเชิงบวก และมั่นใจการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น

     อย่างไรก็ตามแม้นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวก แต่ยังคงระมัดระวังในการลงทุนระยะสั้น จึงเห็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรง คือ หุ้นกลุ่มปลอดภัย คือ กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และมีแนวโน้มที่รายงานผลการดำเนินงานออกมาดีในช่วงไตรมาส1และไตรมาส2ปี2564 เพราะ เป็นช่วงไฮซีซั่น ทำให้เป็นกลุ่มน่าสนใจ ในภาวะที่ผลประกอบการและเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน จากโควิดระบาดระลอก2 และ ระลอก3 ในหลายประเทศ

    สำหรับหุ้นที่ขึ้นแรงและมีผลทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นมากสุด คือ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)(DELTA) ที่หนุนดัชนีขึ้น 14.18 จุด และหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ทั้งนี้ในระยะสั้นจากดัชนีขึ้นมาแรง และเป็นการขึ้นจากหุ้นDELTAที่หนุนตลาด ซึ่งหากDELTAผลดำเนินงานออกมาไม่ดีอย่างที่คาดอาจทำให้มีการขายหุ้นออกมาก็จะกระทบต่อดัชนีหุ้นไทย โดยประเมินแนวรับวันนี้ที่ระดับ 1,490 จุด แนวต้านที่ 1,520 จุด

     “1-2 สัปดาห์หุ้นเทคโนโลยีรถไฟฟ้าในเอเชียปรับตัวขึ้นแรง จากเก็งนโยบายของโจ ไบเดน จึงส่งผลดีกับหุ้นที่ประกอบธุรกิจแบตเตอรี่ เช่น DELTA ที่ผลิตแท่นชาร์จ EA, GPSC และBCPที่มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ทั้งนี้จากหุ้นขึ้นมาแรงทำให้ระยะสั้นต้องระมัดระวังลงทุน”

     นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากยอดผู้ติดเชื้อในประเทศลดลง และยังไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ทุกพื้นที่ จึงเป็นสัญญาณเชิงบวกร่วมด้วยแต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง เพราะ มีโอกาสทำให้ระยะข้างหน้ายังผันผวนต่อได้

     แต่หากยังควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่มีมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติม เศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวต่อได้ ทำให้นักลงทุนต่างชาติมั่นใจและกลับเข้ามาลงทุน มองว่ากระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาต่อเนื่องได้ อีกทั้งยังมีปัจจัยเชิงบอกจากกลุ่มซีพี เข้าซื้อบริษัทผลิตวัคซีนของจีนด้วย

     ทั้งนี้ 2 วันที่ผ่านมา ดัชนีขึ้นยืนเหนือระดับ 1,500 จุด หลังจากนี้จะชะลอตัวลง กลยุทธ์ระยะสั้น แนะนำทยอยขายทำกำไรบ้างส่วนเมื่อดัชนีปรับตัวยืนเหนือ1,500 จุด และสลับกลุ่มหุ้น ไปหาหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นช้ากว่ากลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น กลุ่ม ออยล์แอนด์แก๊ส อาทิ PTT,PTTEP มองว่าหากดัชนีจะยืนเหนือ 1,500 จุดได้นั้น PTT ต้องปรับขึ้นมา กลุ่มอื่นที่ยังปรับตัวขึ้นไม่มาก ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่จะประกาศงบในช่วงกลางเดือนม.ค.นี้ ปกติก่อนประกาศจะมีการเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น รวมถึงกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ เช่น ค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า