สธ.ขอความร่วมมือประชาชนแจ้งเบาะแส และงดการช่วยเหลือแรงงานประเทศเพื่อนบ้านข้ามจังหวัด เพื่อลดความเสี่ยง พร้อมแนะนำให้ใช้ หมอชนะ และ ไทยชนะ ควบคู่กันเพื่อง่ายต่อการติดตามเมื่อพบเชื้อ
วันที่ 5 มกราคม การแถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ขอเตือนประชนชาอย่าตื่นตระหนกกับข่าวปลอมที่แชร์อยู่ในโลกออนไลน์ ได้แก่ จังหวัดหนองบัวลำภูพบผู้ป่วยโควิด-19 ไม่เป็นความจริง , จังหวัดบึงกาฬ ไม่ได้มีการสั่งปิดร้านค้าแต่อย่างใด และภาพโรงบาลสนามที่ล้อมด้วยลวดหนาม ขอความร่วมมือหยุดแชร์ข่าวปลอม
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าในภาพรวมประเทศไทยตัวเลขผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมา 71% ไทย 24% และเป็นเชื้อชาติอื่นอีก 5% และเข้มงวดมากในจังหวัด สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด โดยเฉพาะเรื่องของการเฝ้าระวัง ตรวจจับ การติดตามผู้สัมผัส เมื่อพบเจอผู้ป่วยต้องมี Timeline อย่างละเอียดเพื่อควบคุมโรคได้เร็ว
ต่อมานพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่าการแพร่ระบาดของจังหวัดระยอง ได้มีการเดินทางออกไปจังหวัดอื่น ๆ เช่น ไปสถานที่เล่นการพนัน ฟิตเนส และได้พบผู้ติดเชื้อ จังหวัดลำปาง ที่เคยมีประวัติมาฟิตเนสจังหวัดระยอง ซึ่งในปัจจุบันจังหวัดลำปางพบผู้ติเชื้อ 3 ราย แนะนำควรหลีกเลี่ยงการพบปะใกล้ชิดกับผู้อื่น ควรเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเมื่อต้องไปพบแพทย์
สำหรับการใช้ หมอชนะ และ ไทยชนะ แนะนำให้ประชาชนหันมาใช้หมอชนะ เพื่อย้อนประวัติการเดินทางและการเข้าพื้นที่เสี่ยงต่าง ๆ โดยหากใช้ร่วมกับไทยชนะ จะช่วยทำให้การติดตาม เฝ้าระวัง สอบสวนโรคมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น และ
นพ.โอภาส เน้นย้ำงดให้ความช่วยเหลือแรงงานประเทศเพื่อนบ้านเนื่องจากไม่สามารถทราบได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ติดเชื้อ หากยังมีการช่วยเหลือพาข้ามจังหวัด หรือให้ที่พักพิง ก็อาจทำให้ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นได้
ข่าวประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือทุกโรงพยาบาล ลงข้อมูลผ่านระบบ co-ward อัพเดตให้เป็นปัจจุบันเพื่อทางกระทรวงสาธารณสุขจะได้ทราบจำนวนอุปกรณ์ของใช้และจัดส่งให้สำรองใช้ได้อย่างน้อย 2 เดือน และผู้ที่มีประวัติไปบ่อนการพนันทั่วประเทศ ควรให้ข้อมูลที่เป็นจริง อย่าปกปิดข้อมูล และสังเกตอาการตนเองที่บ้าน 14 วัน หากมี ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้สวมหน้ากากอนามัย ใช้รถส่วนตัวไปรับการตรวจได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง สุดท้ายขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการลักลอบเข้าเมืองแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1138 , 1559 , 191