"Thailand Strategy" (5 ม.ค.64)

"Thailand Strategy" (5 ม.ค.64)

เข้าสู่ภาวะโควิดระบาด

ประเทศไทยเผชิญกับการระบาดของ Covid-19 ภายในประเทศอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายปี 2020 เป็นต้นมา โดยรัฐบาลได้ประกาศมาตรการควบคุม แต่ยังไม่มีการล็อคดาวน์ที่รุนแรง เราคาดว่านี่เป็นเพียงเหตุการณ์ระยะสั้นต่อเศรษฐกิจ และดัชนี SET ยังคงแนวรับที่ 1390 และ 1350 จุด และแนวต้านของ 1Q21 ที่ 1550 จุด ชอบ กลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี, สุขภาพ, นิคมฯ และธนาคาร

 

จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนกังวล

จากความเร็วในการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อ ไม่มีใครมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดล่าสุดในประเทศไทยได้ การที่มีผู้ติดเชื้อเข้าสู่สถานกักกันโรคมากขึน แปลว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อซ่อนเร้นน้อยลงในระบบ

 

เหตุการณ์นี้เป็นการสะอึกมากกว่าผลกระทบเชิงลบอย่างรุนแรง

การระบาดรอบล่าสุดของ Covid19 ภายในประเทศได้เกินคาดการณ์ของคนส่วนใหญ่ในช่วงกลางธันวาคม โดยรัฐบาลหลีกเลี่ยงการใช้มาตรการล็อคดาวน์เต็มรูปแบบ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะอยู่ในขอบเขตที่จัดการได้

 

การเติบโตที่นำโดยการส่งออกจะยังดำเนินต่อไป

สุดท้ายแล้ว ปี 2021 จะยังเป็นปีของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นำโดยความต้องการที่แข็งแกร่งขึ้นทั่วโลก ที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจฝั่งซัพพลายของประเทศไทยขึ้น ซึ่งเพียงพอที่จะหนุนตลาดแรงงานและการฟื้นตัวของดีมานด์ ในกรณีไม่มีล็อคดาวเต็มรูปแบบ

 

วัคซีนมาทันเวลาจะช่วยได้

จากอัตราการติดเชื้อของ Covid-19 (reproduction rate: R0) ที่ 2.2 จำนวนประชากรที่มีแอนติบอดี เพื่อให้ถึงระดับภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) อยู่ที่ 55% (1/2.2) อ้างอิงจากข่าว ประเทศไทยจะรับวัคซีนหลายล็อตจากหลายผู้ผลิต ด้วยเป้าหมายว่าจะให้มีผู้ได้รับวัคซีน 50% ของประชากรภายในสิ้นปี 2021 และจะถึงระดับประมาณ 20% (จากที่ต้องการ 55%) ภายในกลางปี 2021

 

เหตุการณ์ทางเลือก: เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นต่อ SET

ภาวะการลงทุนเชิงลบอาจทำให้ SET ปรับตัวลงต่ำได้ถึง 1390 จุด (อ้างอิงการปิดเมืองในยุโรปครั้งที่ 2) หรือ 1350 จุด (ที่แนว +1.0SD PER) ภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว, ขนส่ง และสุขภาพ จะได้รับผลกระทบระยะสั้น ในขณะที่เราคงแนวต้าน SET ที่ 1550 จุด (+2.5SD PER) เราคงหุ้นเด่นในกลุ่มพลังงาน (TOP, SPRC), ปิโตรเคมี (PTTGC), สุขภาพ (BDMS, BH), นิคมฯ (AMATA, WHA) และธนาคาร (BBL)