"Banking" Sector (29 ธ.ค.63)

"Banking" Sector (29 ธ.ค.63)

ส่วนใหญ่กลับมาชำระหนี้ได้

รายงานล่าสุดจาก BOT ช่วยยืนยันมุมมองของเราว่าจะไม่มีการเพิ่มขึ้นแบบฉับพลัน (cliff effect) ของ NPLs หลังช่วงเวลาการพักชำระหนี้หมดลงในปลายปีนี้ แต่ข่าวร้ายคือด้วยข้อมูลหนี้เสียดูจะจัดการได้และเศรษฐกิจก็กำลังค่อยๆฟื้น ทำให้ความเป็นไปได้ที่ BOT จะอัดฉีดสภาพคล่องขนาดใหญ่หรือปรับมาตรการช่วยเหลือต่างๆเพิ่มเติมให้ลดลงไป ซึ่งประเด็นนี้อาจกดดันราคาหุ้นกลุ่มธนาคารในระยะสั้นได้

 

น้อยกว่า 2% ที่ไม่สามารถติดต่อได้

มาตรการผ่อนผันการชำระหนี้จาก BOT จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าสัดส่วน NPL จะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดย BOT รายงานว่าลูกหนี้ 67% ได้ชำระหนี้หลังจากมาตรการหมดอายุลงตั้งแต่ก.ค. 2020 (รายย่อย) และต.ค. 2020 (SMEs) ในขณะที่อีก 31% อาจต้องปรับโครงสร้างหนี้ และน้อยกว่า 2% ไม่สามารถติดต่อได้ รายงานของ BOT ได้เปิดเผยว่าเงินกู้ในมาตรการช่วยเหลือได้ทยอยลดลงตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ 7.2 ล้านลบ. สู่ระดับ 6 ล้านลบ.ในต.ค. ซึ่งประกอบด้วยเงินกู้สำหรับธุรกิจ 63%  และ 37% เป็นเงินกู้สำหรับรายย่อย

 

การปรับโครงสร้างหนี้รายบริษัท เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ moral hazard

แม้ว่าการพักชำระหนี้จะไม่ได้รับการต่ออายุ แต่ BOT ได้สนับสนุนให้ธนาคารช่วยเหลือลูกค้าต่อ ด้วยมาตรการเพิ่มเติมเป็นรายกรณีไปเพื่อหลีกเลี่ยง cliff effect และ moral hazard  มาตรการช่วยเหลือรวมถึงการรวมหนี้, การปรับโครงสร้างหนี้, การเจรจาเจ้าหนี้หลายราย, และการแก้เงื่อนไขการชำระ การแบ่งจ่ายหนี้ซึ่งจะช่วยผ่อนโมเมนตัมการเพิ่มขึ้นของหนี้เสียอย่างน้อยจนกระทั่ง 1H21

 

ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องขนาดใหญ่มีความเป็นไปได้น้อยลง

มาตรการหนึ่งที่ตลาดรออยู่คือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) ที่ BOT เคยประกาศว่าแก้เงื่อนไขบางข้อเพื่อให้ SMEs เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและเพิ่มแรงจูงใจสำหรับธนาคารในการปล่อยกู้ เช่น อาจปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก 2% สู่ 5% พร้อมการคำประกันจาก บสย. แต่ด้วยเศรษฐกิจเองมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นและการติดเชื้อ Covid-19 ระลอกใหม่ดูจะมีผลกระทบน้อยกว่ารอบแรก ทำให้ความเป็นไปได้ของมาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องรอบใหญ่อีกครั้งดูจะน้อยลงไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อแบงก์ชาติได้ปรับเกณฑ์ soft loan แค่คำนิยาม รวมถึงอนุญาตให้กู้เงินได้สองครั้ง (จากเดิมครั้งเดียว) ซึ่งขยายระยะเวลาให้ไปจนกระทั่ง 18 เม.ย. 2021 แต่เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำก้อนนี้ยังถูกจำกัดไว้ที่ 20% ของยอดสินเชื่อ ณ สิ้นปี 2019 ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายสำหรับ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่และประสบปัญหาจากภาคการท่องเที่ยวซบเซาที่ยืดเยื้อ