ล็อคดาวน์บางพื้นที่ 14 วัน คุมโควิด ฉุดเศรษฐกิจหาย 9.5 หมื่นล้านบาท

ล็อคดาวน์บางพื้นที่ 14 วัน คุมโควิด ฉุดเศรษฐกิจหาย 9.5 หมื่นล้านบาท

หอการค้าไทยหนุนล็อคดาวน์ 14วัน บางพื้นที่คุมโควิด-19 ชี้ หากรัฐบาลคุมได้กระทบเศรษฐกิจ 9.5 หมื่นล้านบาท หนุนคนละครึ่งเฟส  3 เผย เทศกาลปีใหม่ไม่คึกคัก จากผลกระทบโควิด เงินสะพัด 91,467 ล้านบาท ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า สนับสนุนรัฐบาลที่ไม่ใช้มาตรล็อกดาวน์ทั่วประเทศแต่ใช้เป็นบางพื้นที่เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เพราะหากล็อคดาว์ทั้งประเทศประเมินว่าจะกระทบเศรษฐกิจประมาณเดือนละ 2 แสนล้านบาท หรือวันละ 7  พันล้านบาทส่งผลกระทบต่อจีดีพีโดยรวมลดลง 1.5 %  เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศมีความเปราะบาง เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น หากมีการล็อคดาวน์อีกจะทำให้คนตกงานอีกมากและจะส่งผลให้เศรษฐกิจในปีหน้าฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ จากเดิมที่คาดว่าปลายปีไปเป็นไตรมาสที่ 4 ของปีหน้า

 ทั้งนี้ทางศูนย์ได้ประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อระบบเศรษฐกิจไทย ใน 2 รูปแบบ โดยหากล๊อคดาวน์14 วัน ในจ.สมุทรสาครและบางพื้นที่ของจังหวัดอื่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมประมาณ 3-6 หมื่นล้านบาทและหากล็อคดาวน์ทั่วประเทศจะเสียหาย 9.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม    ซึ่งหากมีการควบคุมและทำให้การระบาดคลี่คลายลงแม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้ออยู่บ้าง สถานการณ์ก็จะดีขึ้นและทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ในไตรมาส 2 และทั้งปีจะขยายตัวได้ 2.8 % ตามที่คาดการณ์ไว้ ส่วนกรณีที่  2 คือ หากมีการล็อคดาว 1 เดือน ในพื้นที่จ.สมุทรสาครและบางพื้นที่ของจังหวัดอื่น จะกระทบเศรษฐกิจ 1.2 แสนล้านบาท แต่หากล็อคดาวน์ทั้งประเทศจะทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจ 2 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตามรัฐบาลยังต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งที่ได้รับความนิยมสูงจะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของคนไทย  ควรขยายไปเฟส 3 โดยรัฐบาลจะต้องอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอีก 6  หมื่นล้านในไตรมาส 1   รวมทั้งการเติมวงเงินเราเที่ยวกันเพื่อดูแลการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบหนัก

            

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ศูนย์ยังได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,223 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่  14-23 ธ.ค. 2563  ซึ่งเป็นช่วงที่พบการแพร่ระบาดโควิด-19 ในจ.สมุทรสาคร พบว่า ส่วนใหญ่จะพักผ่อนอยู่กับบ้าน ทำบุญและท่องเที่ยวน้อยลง ลดค่าใช้จ่าย ทำให้บรรยากาศในช่วงเทศกาลปีใหม่ไม่คึกคักเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงคาดว่าน่าจะมีเงินสะพัดในช่วงแทศกาลปีใหญ่ 91,467 ล้านบาท ลดลง 33.6 % เมื่อเทียบกับปี 63 ที่มีเงินสะพัด 137,809 ล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบ 10 ปี และมูลค่าน้อยกว่าแสนล้านบาทเป็นครั้งแรกในรอบ  9 ปี  

หากปัญหาการแพร่เชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดสมุทรสาคร  ที่มีการล็อคดาวน์และมีความตรึงเครียดมากขึ้น ติดเชื้อเพิ่มขึ้น  จะทำให้เงินสะพัดในช่วงปีใหม่ลดลงอยู่ที่  80,937  ล้านบาท หรือ หดตัว 41.3%  และกรณีร้านแรงที่สุดคือการล็อคดาวน์ทั่วประเทศ  จะทำให้ไม่มีการเดินทาง  กิจกรรมต่างๆงด  คนอยู่บ้านมากขึ้น  จะทำให้เงินสะพัดในช่วงปีใหม่ลดลง  38,819  ล้านบาท  หรือหดตัว  71.8%  อย่างไรก็ดี  หอการค้าไทย ยังคงสนับสนุนรัฐบาลไม่ให้มีการล็อคดาวน์ทั้งประเทศ 

                   

ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องการได้เป็นของขวัญจากรัฐบาลมากที่สุด อันดับแรกคือช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศให้ปรับตัวดีขึ้น รองลงมาอยากให้พัฒนาการบริหารประเทศด้วยความโปร่งใส และพัฒนาบุคลากรและระบบทางการศึกษา โดยสิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดในปีหน้า คือด้านการเมือง การแพร่ระบาดของโควิด -19 และปัญหาค่าครองชีพ

สำหรับปัจจัยที่น่าห่วงในปี 2564  อันดับแรก ยังเป็นเรื่องของการเมือง  การแพร่ระบาดของโควิด-19  ค่าครองชีพและการคอร์รัปชัน  ส่วนปัญหาที่รัฐบาลควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด คือ  ปัญหาทางการเมือง  เศรษฐกิจโดยรวม  การแพร่ระบาดของโควิด-19  สำหรับการประเมินผลการแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆของรัฐบาลในปีที่ผ่านมา  การแก้ไขปัญหาโควิด-19  รัฐได้  7.6 คะแนน  การแก้ไขปัญหาสังคม  รัฐได้ 7.0 คะแนน  การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง รัฐได้ 7.0 คะแนน  และสิ่งที่ต้องการให้รัฐดำเนินการในปี 2564 คือ แก้ปัญหาโควิด  ให้การเสืองมีเสถียรภาพ  ดูแลค่าครองชีพ  แก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน  หนี้ครัวเรือน  เป็นต้น