'พาณิชย์'ดึง 'มินิเอฟทีเอ' แต้มต่อดันส่งออกปี 64

'พาณิชย์'ดึง 'มินิเอฟทีเอ' แต้มต่อดันส่งออกปี 64

“จุรินทร์”เปิดแผนผลักดันการส่งออกปี 64 เตรียมอัดกิจกรรมทำตลาด 343 กิจกรรม ดำเนินการทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสส่งออก พร้อมเร่งเจรจาเอฟทีเอ สร้างความได้เปรียบให้กับสินค้าไทย เตรียมเซ็นมินิเอฟทีเอกับมณฑล-รัฐ ร่วมมือค้าขาย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนการผลักดันการส่งออกในปี 2564 ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดทำแผนส่งเสริมและผลักดันการส่งออก เพื่อนำเงินเข้าประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการทำงานร่วมกับภาคเอกชนในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งได้กำหนดแผนงานโครงการไว้ชัดเจนหมดแล้ว มีจำนวนรวม 343 กิจกรรม เป็นกิจกรรมที่จะดำเนินการในประเทศ 135 กิจกรรม และในต่างประเทศ 208 กิจกรรม

ทั้งนี้ มีตัวอย่างกิจกรรมที่จะดำเนินการ เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมอาหารไทย การเจรจาธุรกิจออนไลน์ หรือเจรจาการค้าในรูปแบบไฮบริด (นำสินค้าตัวอย่างไปโชว์ และเจรจาซื้อขายทางออนไลน์) และการผลักดันสินค้าไทยเข้าไปจำหน่ายในแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังของประเทศต่างๆ เช่นAmazonในตลาดสิงคโปร์ และสหรัฐฯLotteในตลาดเกาหลีใต้Tmallเครืออาลีบาบา ในตลาดจีนBigbasketในตลาดอินเดียKhaleang.comในตลาดกัมพูชา

ขณะเดียวกัน จะเร่งเจรจาความตกลงการค้าระหว่างประเทศ เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับสินค้าไทย อย่างน้อยการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ต้องเดินหน้า วันนี้ศึกษาจบแล้ว รอที่จะขอกรอบการเจรจาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) จากนั้นจะนับหนึ่งเจรจา เอฟทีเอไทย-สหราชอาณาจักร (ยูเค) จะดำเนินการ ขณะนี้เริ่มศึกษาแล้ว เอฟทีเอไทย-ยูเรเซีย จะเริ่มต้น และเอฟทีเอไทย-เอฟต้า ก็จะทำ รวมทั้งเอฟทีเออาเซียน-แคนาดา ซึ่งเป็นแผนที่จะดำเนินการในปีหน้า

         

นอกจากนี้ จะใช้นวัตกรรมใหม่ ที่ไม่ใช่การทำเอฟทีเอเฉพาะประเทศกับประเทศ แต่จะเป็นการทำการค้าแบบลงลึก เพราะเอฟทีเอไม่พอ ต้องทำมินิเอฟทีเอ ซึ่งเป็นการตั้งชื่อเอง เพื่อให้เข้าใจง่าย คือ ประเทศไทยโดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชน จะทำข้อตกลงทางการค้าเฉพาะกับมณฑล หรือรัฐ หรือเมืองของประเทศใหญ่ๆ ที่มีประชากรมากกว่าบางประเทศ เพื่อสร้างโอกาสในการขยายการค้า การลงทุนให้กับผู้ประกอบการของไทย

 “ขณะนี้การเจรจากำลังจะจบ 3 มินิเอฟทีเอ คือ ไทย-ไห่หลำ ที่เราเลือกไห่หลำ เพราะจะเป็นฮ่องกงแห่งที่ 2 ของจีน เพราะฮ่องกงวันนี้ ไม่จบ ก็เหมือนจบ ซึ่งเราเร็วที่สุดในโลก เจรจามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เหลือตรวจถ้อยคำ จะเซ็นกันเร็วๆ นี้ ไทย-รัฐเตลังกานา มีประชากรมากกว่าไทย มีธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ที่อินเดียกำลังมีนโยบายทุกคนต้องมีบ้าน ต้องการวัสดุอุปกรณ์ จะเซ็น 18 ม.ค.2564 เพราะครบ 1 ปี ที่พาเอกชนไปเยือน โดยไทยจะได้เงื่อนไขพิเศษหลายเรื่อง และไทยกับเมืองคยองกี ซึ่งเป็นจังหวัดอุตสาหกรรม มีคนเอเชีย อาเซียนมาก ต้องการสินค้าไทย ตอนนี้เจรจาจบแล้ว กำลังลงนามในอนาคต”นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับการส่งออกในปี 2563 ถือว่าไทยทำได้ดี เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ที่ประสบปัญหาโควิด-19 โดยการส่งออกของไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากที่เคยติดลบหนักในช่วงโควิด-19 ระบาด และค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น และคาดการณ์ว่าทั้งปีนี้จะติดลบเพียบ7%และปีหน้าจะบวกได้4%ซึ่งเป็นผลมาจากทำงานอย่างหนักของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชน

โดยการขับเคลื่อนส่งออกที่ผ่านมา มีการจัดตั้ง กรอ.พาณิชย์ เข้ามาแก้ไขปัญหาและร่วมกันทำกิจกรรมผลักดันการส่งออก มีการปรับบทบาทพาณิชย์จังหวัดเป็นเซลล์แมนจังหวัด ทูตพาณิชย์เป็นเซลล์แมนประเทศ โดยมีตนเป็นหัวหน้าเซลล์แมน และทำงานกันเป็นทีม เพื่อผลักดันการส่งออก และยังได้เดินหน้ายุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเป็นผู้ผลักดันให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่ตรงตามความต้องการของตลาด กระทรวงพาณิชย์ช่วยขาย และยังมีการปรับใช้มาตรการทำตลาดส่งออกจากออนกราวน์ และออฟไลน์ เป็นออนไลน์ ซึ่งไทยถือเป็นประเทศแรกของโลกที่นำระบบไฮบริดมาใช้

อย่างไรก็ตาม การส่งออกในปีนี้ ยังมีอุปสรรคที่จะต้องเร่งแก้ไข คือ การค้าชายแดน ที่ล่าสุดได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาดรอบ 2 ทำให้จำเป็นต้องปิดด่าน โดยเมียนมาเดือนต.ค.ลบ40%สปป.ลาว ลบ21%กัมพูชา ลบ17%เป็นผลกระทบจากโควิด-19 และยังมีปัญหาเรื่องขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่จะใช้ในการส่งออก เพราะได้ดุลการค้ามากไป นำเข้ามาน้อย แต่ส่งออกไปมาก ทำให้ตู้ขาดแคลน ซึ่งจะเร่งเข้าไปแก้ไขปัญหาต่อไป