ขึ้นต่อ

ขึ้นต่อ

แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

คาดดัชนีฯ ขึ้นต่อ แนวต้าน 1445 / 1455 จุด แนวรับ 1425 / 1420 จุด แนะนำเก็งกำไร AWC SPALI KCE ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้ จับตา รายงานภาคการผลิตและบริการเดือน พ.ย.ของจีน การทำราคาปิดหุ้นที่ถูกเพิ่มคำนวณ/เพิ่มน้ำหนัก/ถอดออก/ลดน้ำหนัก ของการทบทวนรายไตรมาสของ MSCI และแนวโน้มการประชุมกลุ่มโอเปคพลัส ที่จะประชุมวันแรกจากกำหนดการสองวัน คาดคงการผลิตที่ระดับเดิมต่อไปอีก 3–6 เดือน

ประเด็นที่มีผลต่อตลาดวันนี้

1) การทบทวนราย ไตรมาสของ MSCI มีผลต่อราคาปิดวันนี้ (+DELTA DSGT AWC–IRPC TMB)

2) กลุ่มโอเปคพลัสเริ่มประชุมวันแรก ลุ้นมติคงการผลิตที่ระดับเดิมไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค.2021 (+กลุ่มอิงน้ำมันดิบโลก)

3) จับตา รายงานภาคการผลิตและบริการเดือน พ.ย. ของจีน (+กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ หากออกมาดีกว่าคาด)

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้

OPEC Plus meeting (จนถึงวันอังคาร) / China-รายงานภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ย. คาด 51.5 และ 55.7 (Vs เดือน ต.ค. 51.4 และ 56.2) / ไทย-ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนต.ค. คาดเกินดุล USD1.6bn (Vs เดือน ก.ย. +USD1.31bn) / USA-Pending Home Sales เดือน ต.ค. คาด -1% MoM (Vs เดือน ก.ย. -2.2% MoM), Chicago PMI เดือน พ.ย. คาด 53 (Vs เดือน ต.ค. 61.1) / Japan-Industrial Production เดือน ต.ค. คาด +1.5% MoM (Vs เดือน ก.ย. +3.9% MoM)

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยขึ้นต่อ: ดัชนีฯ เคลื่อนไหวในกรอบแคบ 1429-1444 จุด ก่อนมาปิดที่ระดับ 1437.78 จุด +4.22 จุด หรือ +0.29% วอลุ่ม 7.73 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +4.54% เงินทุนและหลักทรัพย์ +3.27% ธุรกิจการเกษตร +2.72% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ +2.06% หุ้น บวก >4% DELTA EGCO AWC HANA WHA KTC AEONTS COM7 AMATA ASIAN SYNEX LPN SHR MCOT AGE SYNEX IIG SIS
AUCT

+ ตลาดหุ้นโลกส่วนใหญ่ปิดบวก: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก DJIA +0.13% (+37.90 จุด) S&P500 +0.24% Nasdaq +0.92% นำขึ้นโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มค้าปลีกจากการเริ่มเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ แต่หุ้นกลุ่มพลังงาน นาลง -1.25% ส่วนตลาดห้นุยุโรปปิดคละ DAX +0.37% CAC40 +0.56% FTSE -0.08% รับข่าวควบรวมกิจการของธนาคารสเปน BBVA กับ Banco Sabadell เป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับ 2 และข่าว
วัคซีนต้าน COVID-19 ช่วยหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว

+/- น้ำมันดิบปิดคละ ส่วนทองดิ่งแรง: น้ำมันดิบปิดคละ Brent ปิดบวกต่อเนื่อง 38 เซนต์ ปิดที่ USD48.18/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 18 เซนต์ ปิดที่ USD45.53/บาร์เรล กังวลต่ออุปทานที่เพิ่มขึ้นของลิเบีย และรอความชัดเจนของผลประชุมโอเปคพลัส ส่วนราคาทองคำดิ่งลงต่อเนื่อง -USD23.10 เป็น USD1788.10 ต่อออนซ์จากแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัย

ประเด็นสำคัญ

+ Fund Flow (วันที่ 23 – 27 พ.ย.): นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิตลาดหุ้นเอเชีย 6 ชาติไม่รวมญี่ปุ่น เป็นสัปดาห์ที่ 3 (เป็นสัปดาห์ที่ 7 ในรอบ 8 สัปดาห์) จำนวน +USD 3,488mn (Vs สัปดาห์ก่อน +USD5,751mn) โดยยังคงซื้อทุกตลาด ยกเว้นฟิลิปปินส์ ส่วนตลาดหุ้นไทย (ซื้อเป็นสัปดาห์ที่สาม หลังจากขายต่อเนื่อง 17 สัปดาห์) จำนวน+ USD193mn (Vs สัปดาห์ก่อน +USD190mn)

+ China: รายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. (YTD) สูงกว่าคาด +0.7% YoY เป็น 5.01 ล้านล้านหยวน (Vs คาด -0.6% YoY และเดือน ก.ย. -2.4% YoY) โดยผลกำไรเฉพาะเดือน ต.ค. +28.2% YoY เป็น 6.42 แสนล้านหยวน (Vs เดือน ก.ย. กำไรเติบโต +10.1% YoY)

+ ไทย: Industrial Production เดือน ต.ค. สูงขึ้นและดีกว่าคาดเป็น -0.54% YoY (Vs คาด -1.8% YoY และเดือน ก.ย. -2.15% YoY) สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อ 4Q20E GDP ไทย

- MSCI Rebalance: เริ่มบังคับใช้ต่อราคาปิดวันนี้ โดยการทบทวนล่าสุด ตลาดหุ้นไทยจะถูกลดน้ำหนักใน MSCI EM Asia ลงจาก 1.91% สู่ 1.87% คิดเป็นยอด Net trade ที่ -114 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหุ้นที่ถูกเพิ่มคำนวณใน MSCI Global Standard คือ DELTA (75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ), STGT (43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ส่วนหุ้นที่ถูกถอดออก ได้แก่ IRPC (-42 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ), TMB (-38 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และเพิ่มน้ำหนัก AWC และหุ้นที่ถูกปรับลดน้ำหนักได้แก่ PTT, CPALL, AOT, SCC, ADVANC, BDMS, PTTEP, INTUCH ประมาณ -5 ถึง -18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบริษัท สำหรับ MSCI Global Small Cap หุ้นที่ถูกเพิ่มคำนวณ ได้แก่ BPP, ICHI, IRPC, JMART, M, TFG, TISCO, VGI, RBF ห้นุ ที่ถูกถอดออก คือ STPI, THAI

+ Opportunity Day: วันนี้ BCPG BPP BANPU WHA CHEWA WHAUP BCH วันอังคาร RT ASIAN SEAFCO CNT EPG UAC SICT

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: MINT AH KCE

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: AWC SPALI KCE

Derivatives: ถือสถานะ Short S50Z20 ที่เปิดไว้ รอทำกำไรตามเป้า (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)