เซ็นทรัลฯติดดัชนียั่งยืน”ดีเจเอสไอ” 3 ปีซ้อน

เซ็นทรัลฯติดดัชนียั่งยืน”ดีเจเอสไอ” 3 ปีซ้อน

“เซ็นทรัลพัฒนา”ติดอันดับดัชนียั่งยืนดาวโจนส์ดีเจเอสไอ 3 ปีซ้อน และติดกลุ่มตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 7

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัลภูเก็ต, และเซ็นทรัล วิลเลจ เป็นองค์กรอสังหาริมทรัพย์ไทยหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัลการันตีระดับโลกให้ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) ต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน และติดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่(Emerging Markets) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7


นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่าการได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืน ดาวน์โจนส์ DJSI นับเป็นความภาคภูมิใจของเซ็นทรัลพัฒนาในฐานะที่เป็นตัวแทนของบริษัทคนไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ


ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้ได้รับการคัดเลือก มาจากความสำเร็จของเซ็นทรัลพัฒนาตลอด 40 ปีที่ผ่านมา เกิดจากความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบันบริษัทฯ มีศูนย์การค้า 34 แห่งในไทยและต่างประเทศ โดยยังคงความเป็นผู้นำในการพัฒนาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับสังคมไทยอย่างไม่หยุดนิ่ง


การที่บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจไปในโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนามิกซ์ยูสโปรเจ็คหลากหลายโครงการ ได้ช่วยสร้างอาชีพ สร้างโอกาส ให้กับผู้ประกอบการทั่วประเทศ สร้างการเติบโตและความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนการทำธุรกิจโดยยึดมั่นในความมีส่วนร่วมและสำนึกรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน เซ็นทรัลพัฒนา เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าองค์กรสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนียั่งยืนระดับโลก DJSI World 2020 ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำทั่วโลก รวมทั้งใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงในการพิจารณาการลงทุนซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจทั่วโลกว่าบริษัทที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก DJSI จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ลงทุนได้


นายปรีชา กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่คำนึงถึงความยั่งยืนใน 3 ด้านทั้งเศรษฐกิจ-สังคม-และสิ่งแวดล้อม อย่างต่อเนื่อง
ประการแกรด้านเศรษฐกิจทำให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ต่างๆ สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ ช่วยให้เกิดการจ้างงาน การสร้างรายได้ในท้องถิ่น การส่งเสริม SMEs ท้องถิ่น และการพัฒนาผู้ประกอบรายย่อย รวมถึงโครงการต่างๆ ที่กระตุ้นเศรษฐกิจระดับประเทศ
ประการที่ 2 ด้านสังคม ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและสร้างมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชน สร้างพื้นที่พบปะและสันทนาการ รวมถึงจัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของชุมชน


ประการที่ 3 ด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งสร้างความยั่งยืนภายใต้โครงการ Journey to Zero เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษ โดยส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่นการใช้โซลาร์เซลล์ในศูนย์การค้า, การใช้น้ำรีไซเคิล, การจัดการขยะอย่างถูกวิธี เป็นต้น

สำหรับการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งมีการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 ยังคงมีกำไร โดยมีรายได้รวม 7,599 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,481 ล้านบาท และมีการฟื้นตัวจากไตรมาส 2 อย่างมาก ในขณะที่ภาพรวมงวดเก้าเดือนของปี 2563 ถือว่าบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี โดยผลการดำเนินงานรวมตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 23,753 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 7,540 ล้านบาท