จับตา‘ทรัมป์-สี’ประชุมผู้นำเอเปค

จับตา‘ทรัมป์-สี’ประชุมผู้นำเอเปค

เจ้าหน้าที่สหรัฐเผย ประธานาธิบดีทรัมป์เล็งประชุมผู้นำเอปควันนี้ ที่ผู้นำจีนก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน สี จิ้นผิงประกาศไม่ตัดจีนออกจากโลก

การประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปค)ที่มาเลเซียเป็นเจ้าภาพปีนี้เป็นการจัดประชุมแบบออนไลน์เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

เจ้าหน้าที่สหรัฐผู้ไม่เปิดเผยนามคนหนึ่งกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะร่วมประชุมด้วย ซึ่งตั้งแต่เขารับตำแหน่งในปี 2560 เคยร่วมประชุมเอเปคเพียงครั้งเดียวในปีนั้น

ข่าวล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลทรัมป์ถูกวิจารณ์มากว่าส่งเจ้าหน้าที่ระดับรองร่วมประชุมผู้นำเอเชียตะวันออก (อีเอเอส) เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนอกรอบการประชุมเวทีนั้น 15 ชาติเอเชียแปซิฟิกได้ลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ที่จีนหนุนหลังกันด้วย

การที่ทรัมป์ไม่ร่วมประชุมอีเอเอสถูกนักวิเคราะห์หลายคนมองว่า เป็นการไม่ให้เกียรติ ทั้งๆ ที่นโยบายต่างประเทศของเขาให้ความสำคัญกับเอเชียแปซิฟิกและการแข่งขันกับจีนเป็นอันดับต้นๆ

ทำเนียบขาวปฏิเสธจะให้ความเห็น และในขณะที่แผนการปัจจุบันคือทรัมป์จะเข้าร่วมประชุมเอเปค แต่ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันรายนี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับการคัดค้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ตนตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ในอดีตทรัมป์เคยเปลี่ยนใจไม่เข้าประชุมแบบนี้มาแล้ว

จริงๆ แล้วทรัมป์จะร่วมประชุมผู้นำเอเปคในปีก่อนที่ประเทศชิลี แต่เกิดเหตุประชาชนประท้วงเป็นวงกว้างจนเจ้าภาพต้องยกเลิก

ก่อนหน้านั้นในปี 2561รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ เคยเป็นตัวแทนสหรัฐประชุมเอเปคท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน ที่เสื่อมถอยลงถึงระดับเลวร้ายสุดในรอบหลายสิบปี

สัปดาห์ก่อนเจ้าหน้าที่รายนี้ที่ดูแลเรื่องเอเปค กล่าวว่า สหรัฐยังไม่ตัดสินใจส่งใครเข้าประชุมผู้นำ ด้วยเหตุนี้ประธานาธิบดีสีจะโดดเด่นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่จีนเพิ่มอิทธิพลขึ้นทั่วเอเชีย

ในวันจันทร์ (16 พ.ย.) หอการค้าสหรัฐแสดงความกังวลว่า สหรัฐกำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลังจากการที่ 15 ชาติเอเชียแปซิฟิกลงนามข้อตกลงการค้าเสรีใหญ่สุดของโลก ผนึกบทบาททางการค้าในภูมิภาคนี้ของจีนให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ส่วนข้อตกลงพันธมิตรข้ามแปซิฟิก (ทีพีพี) ที่มีมาก่อนก็ถูกทรัมป์นำสหรัฐถอนตัวออกไป ตอนเขารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2560

ส่วนประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน แสดงสุนทรพจน์ในเวทีประชุมผู้บริหารตั้งแต่วานนี้ (19 พ.ย.) และวันนี้มีกำหนดร่วมประชุมผู้นำเอเปคด้วย

แถลงการณ์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง วานนี้ระบุว่า จีนจะเดินหน้าลดภาษีและขยายการส่งออกสินค้าและบริการคุณภาพสูงต่อไป พร้อมให้คำมั่นผลักดันการปฏิรูป ส่งเสริมตัวแบบการเติบโตด้วยนวัตกรรม ที่เรียกว่ายุทธศาสตร์วงจรคู่

นอกจากนี้เขายังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประสานนโยบายให้แข็งแกร่งกว่านี้ และว่า โลกาภิวัตน์ “ย้อนกลับไม่ได้” จีนจะไม่ใช้ “วิธีการตัดขาด” เศรษฐกิจจีนออกจากโลก

“ตัวแบบการพัฒนารูปแบบใหม่ของเราไม่ได้ใช้การไหลเวียนในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่เปิดและส่งเสริมการไหลเวียนคู่ทั้งภายในและภายนอกประเทศ” ประธานาธิบดีสีกล่าว

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การพัฒนาวงจรคู่กำหนดวา การพัฒนาจีนในระยะต่อไปจะพึ่งพาการไหลเวียนในประเทศเป็นหลัก ซึ่งหมายถึงวงจรการผลิต แจกจ่าย และบริโภคภายในประเทศ ได้แรงหนุนโดยนวัตกรรมเทคโนโลยีในประเทศ แต่แม้ว่าทางการจีนพยายามเพิ่มบทบาทการบริโภคภายในประเทศ แต่การส่งออกยังครองสัดส่วนใหญ่มากในเศรษฐกิจจีน

ส่วนความสัมพันธ์สหภาพยุโรปกับจีนนั้น ทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจาทำข้อตกลงการลงทุนระหว่างกัน แต่ไม่ค่อยคืบหน้าส่อเค้าว่าน่าจะไม่เสร็จสิ้นภายในปีนี้

หากสังเกตถ้อยแถลงของประธานาธิบดีสีเมื่อต้นเดือน พ.ย. ระบุว่า จีนจะเร่งลงนามอาร์เซ็ปแล้วเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างจีนกับอียู และจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ซึ่งเว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า การรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีกับประเทศอื่นๆ เป็นเรื่องสำคัญสำหรับจีน แม้ว่าจีนเติบใหญ่เป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจประเทศหนึ่งแล้วก็ตาม

พร้อมกันนั้นรัฐบาลจีนกระตุ้นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศด้วย ซึี่งช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่นบรรษัทข้ามชาติสนใจตลาดจีนเพราะใหญ่มากและเติบโตอย่างรวดเร็ว

แต่เนื่องจากธุรกิจต่างชาติพากันบ่นเรืื่องนโยบายที่สามารถให้อภิสิทธิ์กับธุรกิจจีนได้ รัฐบาลปักกิ่งยืนยันว่าจะอนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้าถึงตลาดจีนได้มากขึ้นตามกำลังความสามารถของแต่ละบริษัท

"ผมขอย้ำว่า จีนจะไม่ยกเลิกความมุ่งมั่นเปิดกว้างประตูใหญ่มีแต่จะเปิดกว้างมากขึ้นเท่านั้น เรามีแต่จะเดินหน้าผลักดันการเปิดเสรี ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีมาตรฐานสูงเพิ่มกับหลายประเทศ“ ประธานาธิบดีจีนกล่าวและว่า ประเทศของตนจะเข้าร่วมอย่างแข็งขันในความร่วมมือและการค้าทั้งทวิภาคีและพหุภาคี สร้างเศรษฐกิจระบบเปิดที่มีคุณภาพมากขึ้น” ผู้นำจีนกล่าว