เร่งเจรจาหาข้อยุติ ประเทศต้องเดินหน้าต่อ

เร่งเจรจาหาข้อยุติ ประเทศต้องเดินหน้าต่อ

สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่ไทยเผชิญ ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเมือง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไทย วันนี้คงถึงเวลาแล้วที่ทั้งรัฐ ฝ่ายชุมนุม ต้องเร่งหันหน้าเจรจา หาข้อยุติร่วมกันให้ได้โดยเร็ว เพื่อให้ประเทศไทยก้าวเดินไปข้างหน้า

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์การทางการเมืองที่ไม่แน่นอน การเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด รอบ 2 กลายเป็นปัจจัยขย่มซ้ำภาวะเศรษฐกิจในประเทศอย่างสาหัส ความมั่นใจการลงทุน การดำเนินธุรกิจดูเปราะบาง แผ่วเบา ขณะที่เงินในกระเป๋าของผู้บริโภคก็ลดน้อยถอยลง จับจ่ายแต่ละครั้ง คิดแล้วคิดอีก มาตรการภาครัฐที่อัดเข้าสู่ระบบมาตลอดอย่างต่อเนื่องก็ยังมีความพยายามอัดฉีดกันต่อไป ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่การปล่อยให้ประเทศเผชิญกับปัจจัยลบนานๆ โดยไม่เร่งแก้ปัญหาจะยิ่งทุบซ้ำเศรษฐกิจให้จมดิ่งยากต่อการเยียวยา จะอัดอีกกี่สิบมาตรการก็คงจะได้ผลยาก

กระนั้นก็ตามท่ามกลางข่าวร้ายประเทศ กลับเริ่มมีข่าวดีแทรกตัวเข้ามาให้ใจชื้น เมื่อกระทรวงพาณิชย์ ส่งสัญญาณการส่งออกช่วงโค้งสุดท้ายว่าเริ่มดีขึ้น แม้ว่ายังติดลบอยู่ โดยตัวเลขส่งออกเดือน ก.ย.ติดลบ 3.86% หลังมูลค่าสินค้าส่วนใหญ่เริ่มมีการขยายตัว และถือเป็นการฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดย เดือน มิ.ย.ติดลบ 23.17% เดือน ก.ค.ติดลบ 11.37% และเดือน ส.ค.ติดลบ 7.94% สัญญาณดีแบบนี้ เป็นเพราะเป็นการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้ามากกว่าดีจากการส่งออกทองคำ

ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น มาจากการฟื้นตัวของสินค้าส่งออกหลายกลุ่ม ที่ส่งออกติดลบน้อยลง รวมทั้งสินค้าหลายรายการเริ่มขยายตัวดี ขณะที่การส่งออกไปตลาดสำคัญมีแนวโน้มฟื้นตัว มูลค่าส่งออกในหลายตลาดปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า รวมทั้งหดตัวในอัตราลดลงต่อเนื่อง สะท้อนถึงการทยอยฟื้นตัวของอุปสงค์จากประเทศคู่ค้า หลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวมากขึ้น

ลองคิดย้อนไป หากก่อนหน้านี้ สถานการณ์การเมืองของประเทศยังพอเดินไปได้ ไม่มีปมชนวนความขัดแย้ง รัฐบริหารจัดการควบคุมการแพร่ระบาดโควิดได้อย่างถูกหลักสากล ประชาชนในประเทศเริ่มทำมาค้าขาย กระตุ้นการจับจ่าย นักลงทุนเริ่มลงทุน นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาด้วยความมั่นใจในสถานการณ์ประเทศ ถึงวันนี้หลังโควิดหนักๆ ผ่านพ้นไป เศรษฐกิจประเทศไทยคงค่อยๆ ฟื้นคืน แม้จะทุลักทุเลบ้าง แต่ก็ยังร่วมกันประคองเดินต่อได้ ศักยภาพประเทศในหลายด้านที่ถูกฝังกลบ หลบซ่อน คงเริ่มเผยจุดแข็ง ที่ครั้งนี้คงแข็งแกร่งขึ้นพร้อมเผชิญความท้าทายโลกยุคใหม่ แต่น่าเสียดาย..ที่เราสะดุดขาตัวเองเสียก่อน

เราเห็นว่ารัฐก็ดีหรือฝ่ายชุมนุมเรียกร้องฯ ก็ดี ถึงเวลานี้ควรต้องเร่งหันหน้าเจรจา หาข้อยุติร่วมกันให้ได้โดยเร็ว เราเชื่อว่าทุกคนรักประเทศไทย และความเห็นที่ต่างกันก็เป็นเรื่องปกติของสังคมประชาธิปไตย การนั่งลงสบตาหาทางออกอย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ฟังข้อเรียกร้องของทุกฝ่ายทุกกลุ่มอย่างจริงใจ ควรเกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะประเทศไทยต้องก้าวเดินไปข้างหน้า ต้องอาศัยกำลังแรงกายแรงใจของประชาชนทุกคนทั้ง “คนรุ่นใหม่” และ “คนรุ่นเก่า” ที่ต้องจับมือขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง