ศาลแพ่งนัดฟังคำสั่งคุ้มครองม็อบปลดแอก 28 ตุลาคม นี้

ศาลแพ่งนัดฟังคำสั่งคุ้มครองม็อบปลดแอก 28 ตุลาคม นี้

'หมอชลน่าน' ระบุ นายกฯ ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงไร้ผล เหตุ ประกาศไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้น ส่วน 'ศุกรียา' ยัน ต้องลาออก 

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก โดยศาลแพ่ง รับคำร้องและไต่สวนฉุกเฉิน กรณีที่นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ยื่นขอให้เพิกถอนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และคำสั่งต่างๆที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงขอให้คุ้มครองชั่วคราวผู้ชุมนุม ซึ่งศาลแพ่ง นัดฟังคำสั่ง ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้

นายแพทย์ ชลน่าน กล่าวว่า แม้ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงแล้ว แต่คดีความก็ดำเนินต่อไปตามกระบวนการ 
และมองว่า การที่พลเอกประยุทธ์ยอมยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงดังกล่าวเนื่องจากแรงกดดันและความขับเคลื่อนที่ทางกลุ่มได้ยื่นต่อศาลแพ่งครั้งนี้ด้วย 

อย่างไรก็ตาม ศาลต้องดำเนินการ ตามขั้นตอนต่อไปและคำฟ้องของฝ่ายตนทำมาโดยละเอียด มุ่งไปที่ความไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้นในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีเหตุร้ายแรงด้วย ดังนั้น การยกเลิก สถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว จึงไม่มีผลต่อรูปคดี และต้องดูว่าศาลจะคุ้มครองผู้ชุมนุมหรือไม่ โดยฝ่ายตนในฐานะโจทก์ ได้ยกกรณีการชุมนุมของ กปปส. ที่มีการปิดสถานที่ราชการและความรุนแรงต่างๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำสั่งคุ้มครองการชุมนุมของ กปปส.อย่างที่ทราบกันทั่วไป ปรักอบคำฟ้องครั้งนี้ด้วย

ขณะที่กลุ่มนิสิตนักศึกษาและทนายความ ยืนยันตรงกันว่า การดำเนินคดีที่ฟ้องเอาผิดพลเอกประยุทธ์, พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังคงดำเนินต่อไป หากศาลตัดสินว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงไม่ชอบด้วยกฎหมายก็จะทำให้ปฏิบัติการตามประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยซึ่ง สามารถใช้ยื่นต่อศาลอาญา เอาผิดทางอาญาได้และ ยังเรียกค่าเสียหาย จากการสลายการชุมนุมการควบคุมตัว แกนนำและมวลชนต่างๆได้ด้วย 

 

ด้าน นางสาวศุกรียา วรรณายุวัฒน์ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะโจทก์ ย้ำว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงไม่ชอบธรรมตั้งแต่ต้น และการยกเลิก สถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวโดยอ้างเหตุว่าการชุมนุมคลี่คลายนั้น ไม่สอดคล้องกับเป็นความเป็นจริง และไม่มีความชอบธรรมที่จะยกมากล่าวอ้างง เนื่องจาก การชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาประชาชน เป็นไปด้วยความสงบ และไม่ได้มีความรุนแรงตั้งแต่ต้น 
พร้อมยืนยันด้วยว่า  การชุมนุมของคนรุ่นใหม่จะดำเนินต่อไปจนบรรลุเป้าหมาย และการถอยของพลเอกประยุทธ์ ที่ประชาชนต้องการคือ การลาออก ไม่ใช่แค่ยกเลิก สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเท่านั้น