'นายกฯ' ยอมถอย จ่อยกเลิก 'พรก.ฉุกเฉิน' กทม. ขอ ผู้ชุมนุม เคารพกฎหมาย-ประชาธิปไตยแบบสภา

'นายกฯ' ยอมถอย จ่อยกเลิก 'พรก.ฉุกเฉิน' กทม. ขอ ผู้ชุมนุม เคารพกฎหมาย-ประชาธิปไตยแบบสภา

'พล.อ.ประยุทธ์' ออกแถลงการณ์ เรียกร้อง คณะราษฎร 63 แสดงความจริงใจ ยอมถอยคนละก้าว ให้สภา แก้ไขปัญหา ทำให้เมฆดำปกคลุมหายไป ระบุ เตรียมยกเลิก พรก. ฉุกเฉิน เร็วๆนี้

มื่อวันที่ 21 ตุลาคม เวลา 19.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการเรื่องสถานการณ์การและการร่วมนำพาประเทศเดินหน้าต่อไป “ถอยคนละก้าว เข้าสภา ใช้สติและปัญญา แก้ปัญหาร่วมกัน”ว่า

พี่น้อง ประชาชนคนไทยที่รักทุกท่านครับ วันนี้ ตนมาพูดกับทุกท่าน เป็นช่วงเวลาที่ผมหวังว่า ในอนาคต เมื่อเรามองย้อนกลับมาที่ช่วงเวลานี้ เราจะสามารถพูดได้ว่า นี่คือช่วงเวลาที่คนไทยทุกคนได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง สละความรู้สึกส่วนตัว และความต้องการส่วนตัวบางอย่าง เพื่ออนาคตที่ดีของประเทศ หน้าที่ของตน ในฐานะผู้นำประเทศ คือผมต้องดูแลทุกคนในประเทศไทย ตนต้องพยายามรักษาสมดุล ระหว่างมุมมองความคิด และความต้องการต่างๆ ที่แตกต่างกันในสังคม และบางอย่างก็แตกต่างกันเป็นอย่างมาก นั่นเพื่อที่จะทำให้คนไทยทุกคน สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกัน ประเทศเดียวกัน และอยู่ร่วมกัน บนผืนแผ่นดินเดียวกันได้ แผ่นดินของพวกเราทุกคน ที่ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นไปทางไหน ตนเชื่อว่าทุกคน รักผืนแผ่นดินนี้ด้วยกันทั้งสิ้น 

อีกหน้าที่ของตนในฐานะผู้นำประเทศ ตนต้องทำให้แน่ใจว่าบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของแต่ละคน ประเทศมีความเจริญก้าวหน้า และตนต้องปกป้องประเทศจากพลังมืดที่ไม่ว่าจะมาจากที่ไหนก็ตาม ไม่ให้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยของเรา ตนต้องทำให้แน่ใจว่า ประเทศไทยยังคงมีความยุติธรรมในสังคม มีความเท่าเทียมกันของคนไทยทุกคน ที่อยู่ร่วมกันภายใต้กฏหมายเดียวกัน 
ทุกสิ่งที่ตนทำ ตนคำนึงถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศเสมอ คนส่วนใหญ่ที่นิ่งเงียบ ที่กำลังพยายามทำมาหากินอย่างหนัก หาเลี้ยงปากท้องของตัวเองและครอบครัว ตนต้องบริหารประเทศเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ขณะเดียวกัน ตนก็ไม่ได้ละเลยที่จะดูแลประชาชนคนอื่นๆ ของประเทศด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : เกาะติด 'ม็อบ 21 ตุลา' และสถานการณ์ของ 'กลุ่มราษฎร' ตลอดทั้งวัน ที่นี่


ตนต้องบริหารประเทศบนพื้นฐานหลักการตามกฏหมาย และตามแนวทางและการตัดสินใจจากรัฐสภา ในฐานะเป็นตัวแทนของประชาชนไทย นั่นคือระบบรัฐสภาที่เราต้องเคารพ 

เราไม่สามารถบริหารประเทศตามเสียงประท้วงหรือความต้องการของผู้ประท้วงกลุ่มต่างๆ ทุกกลุ่มประท้วงได้ แม้ผมจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า ผมได้ยินเสียงความต้องการของผู้ประท้วง ก็ตามวงจรที่เราเคยเห็นกันมาตลอดว่า ไม่ว่าฝ่ายไหนมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ก็จะต้องเจอกับม๊อบอีกฝ่ายเสมอ และในที่สุด การบริหารประเทศก็ทำไม่ได้ และประเทศก็ไหลลงไปสู่ทางที่จะนำไปสู่ความวุ่นวายและหายนะ พวกเราทุกคนต้องช่วยกันทำลายวงจรนี้ พวกเรา ต้องร่วมทำ ด้วยกันครับ ในเวลานี้ เราต้องถอยกันคนละก้าว เพื่อออกห่างจากทางที่จะนำไปสู่ปากเหว เส้นทางที่จะพาประเทศไทยของเราค่อยๆ ตกลงไปสู่หายนะ และสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมจะเริ่มเกิดขึ้นมากขึ้นๆ การใช้อารมณ์ความรู้สึกนำ ก็จะยิ่งสร้างอารมณ์ความรู้สึกที่ร้อนมากยิ่งขึ้น และการใช้ความรุนแรง จะยิ่งนำมาซึ่งความรุนแรงที่มากกว่าเดิม สิ่งเหล่านี้ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ได้สอนเรามาแล้วหลายครั้ง ซึ่งตอนจบของทุกครั้งก็คือความเสียหายที่ทิ้งไว้กับประเทศ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า



องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้คนไทยเป็นคนไทย ก็คือสถาบันต่างๆ ในสังคมไทย ที่เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและคุณค่าของความเป็นไทย มายาวนานหลายร้อยปี ถ้าหากเราทำลายมรดกที่มีค่าจากบรรพบุรษ เราก็จะสูญเสียสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเป็นคนไทย และเป็นประเทศที่พิเศษประเทศหนึ่งของโลก

เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เราได้เห็นเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่มีใครอยากเห็นว่าเกิดขึ้นในประเทศไทย เราได้เห็นการกระทำ ที่น่าหดหู่ใจอย่างมากที่เกิดขึ้นกับตำรวจ มีการทุบตีทำร้ายตำรวจด้วยคีมเหล็กขนาดใหญ่ และพฤติกรรมรุนแรงอีกหลายอย่างต่อเจ้าหน้าที่ เป็นการตั้งใจทำร้ายคนไทยด้วยกัน

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเรามองให้ลึกลงไปกว่านั้น แม้เราจะเห็นคนกลุ่มเล็กๆ ที่มีเจตนาร้าย และปฏิบัติตัวไม่ดีอย่างรุนแรง แต่เวลาเดียวกัน เราก็เห็นว่า ยังมีคนอีกมากมายที่แม้ว่าจะกำลังทำผิดกฏหมาย แต่ก็ปฏิบัติตนด้วยความสงบ มีเจตนาดีที่ต้องการขอความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม และมีความจริงใจที่อยากจะเห็นประเทศดีขึ้น เรามองเห็นคนกลุ่มนี้ด้วย 

เราจะไม่สามารถได้มาซึ่งสังคมแบบที่เราต้องการ ด้วยการใช้คีมเหล็กขนาดใหญ่ตีใส่กัน หรือด้วยการทำลายเศรษฐกิจการหาเลี้ยงปากท้องของคนไทยด้วยกัน หรือด้วยการโจมตีสถาบันอันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของคนไทย

ขณะเดียวกัน เราก็ไม่สามารถได้มาซึ่งสังคมแบบที่เราต้องการ ด้วยการขอคืนพื้นที่ ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ด้วยเช่นเดียวกัน รัฐบาลพยายามผ่อนปรน หลีกเลี่ยง มีการประกาศให้ทราบก่อนทุกครั้ง ตามมาตรฐานสากล เราจะทำให้เกิดสังคมแบบที่เราต้องการได้ ด้วยการพูดคุยกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน พร้อมรับฟังและเข้าใจกัน และพร้อมที่จะประนีประนอม 

วิธีเดียวที่เราจะได้ทางออกของปัญหา ที่จะยุติธรรมสำหรับทุกฝ่าย ทั้งสำหรับประชาชนที่ออกมาอยู่บนท้องถนน และสำหรับประชาชนอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่ได้ออกมา คือการพูดคุยกัน ทำงานด้วยกัน ผ่านระบบ และกระบวนการของรัฐสภา ตนรู้ว่าเส้นทางนี้อาจจะต้องใช้เวลาและอาจจะไม่รวดเร็วทันใจ แต่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่จะไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ซึ่งเราต้องแสดงความใจเย็น และความเป็นผู้ใหญ่ในตัวของเราทุกคนออกมา กล้าที่จะเดินในเส้นทางสายกลาง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากผู้ประท้วงคิดว่าจะทำให้สิ่งที่ต้องการเกิดขึ้นได้ โดยการออกมาบนท้องถนน พวกเขาอาจจะชนะ และสามารถก้าวข้ามหัวรัฐสภาได้สำเร็จ หรือพวกเขาอาจจะไม่ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ ก็เป็นไปได้ ตัวอย่างมีให้เราเห็นมาแล้วว่าเกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา หรือฝ่ายรัฐ ถ้าหวังว่าปัญหาต่างๆ จะหายไปได้ ด้วยการใช้ไม้แข็งเพียงอย่างเดียว รัฐอาจจะประสบความสำเร็จตามนั้น หรืออาจจะไม่สำเร็จก็ได้ เกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง ประวัติศาสตร์มีตัวอย่างให้เราเห็นมาแล้ว เช่นเดียวกัน 

มีวิธีเดียว ที่เราจะก้าวผ่านปัญหาไปได้อย่างยั่งยืน แน่นอนว่าต้องเกิดขึ้นจากการพูดคุยกัน จากการเคารพกระบวนการของกฏหมาย และจากการมองเห็นความต้องการของประชาชน ที่แสดงออกมา ผ่านทางกระบวนการรัฐสภา นี่คือวิธีการเดียว ผู้ประท้วงได้แสดงความคิดของเค้าแล้ว เสียงและความคิดของพวกเขา ถูกได้ยินโดยทุกฝ่ายและทุกคนเป็นที่เรียบร้อย 

ตอนนี้จึงเป็นเวลาที่เหมาะสม ที่จะนำความคิด และความต้องการของผู้ประท้วง มาพิจารณาร่วมกับความต้องการของประชาชนส่วนอื่นๆ ในสังคมไทย หาเส้นทางที่เหมาะสมและเห็นชอบร่วมกันส่วนใหญ่ ผ่านกระบวนการในระบบรัฐสภา ซึ่งถือเป็นตัวแทนของประชาชน โดยคณะรัฐมนตรี เห็นชอบการเปิดประชุมวิสามัญ และได้ทูลเกล้าพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาแล้ว คาดว่าจะเปิดประชุมสภาได้ประมาณวันจันทร์ที่ 26 และวันอังคารที่ 27 ตุลาคมที่จะถึงนี้

"ในฐานะผู้นำประเทศที่ต้องรับผิดชอบต่อสวัสดิภาพที่ดีของประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประท้วง หรือจะเป็นประชาชนที่นิ่งเงียบ ไม่ว่าเขาจะมีความคิดความรู้สึกแบบไหนก็ตาม วันนี้ ผมจะเป็นคนที่เริ่ม ก้าวแรก เพื่อที่จะลดอุณหภูมิความรุนแรง ผมกำลังเตรียมที่จะยกเลิก พรก. สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพฯ เร็วๆ นี้ ยกเว้น หากมีสถานการณ์รุนแรงใดๆ เกิดขึ้น และเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเวลาเดียวกัน ผมก็ขอให้ผู้ประท้วง แสดงความจริงใจในเจตนาดีของท่านที่มีต่อประเทศดังที่ท่านพูด โดยการเคารพกฏหมาย เคารพระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ขอให้ท่านแสดงความคิดความต้องการผ่านผู้แทนราษฎรของท่าน ซึ่งมีขั้นตอน กำหนดเวลา ไปตามลำดับผมขอพวกท่าน ด้วยความจริงใจของผม เมื่อผมยอมก้าวไปในแนวทางนี้ ผมก็ขอให้พวกท่านก้าวไปในแนวทางเดียวกันด้วย และลดระดับเสียงของการสาดถ้อยคำที่สร้างความแตกแยกและเกลียดชังในสังคม สร้างความเจ็บปวดให้กับคนในสังคม ผมขอให้ทุกคนร่วมใจกัน ทำให้เมฆดำที่กำลังเคลื่อนมาปกคลุมประเทศไทยของเรา ให้หายไป"

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ เรายังมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่เร่งด่วน นั่นคือ การช่วยกันบรรเทาปัญหาปากท้อง ที่ทำให้คนไทยจำนวนมากต้องเดือดร้อน จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากโควิดทั่วโลก และในเวลาเดียวกัน ภารกิจที่ต้องเริ่มทำคู่ขนานกันไป ก็คือ เราต้องนำเอาประเด็นต่างๆ ที่ถูกพูดถึงว่าควรได้รับการแก้ไข เพื่อผลดีในระยะยาวของประเทศ มาเริ่มพูดคุยกันเราต้องรักษาบาดแผลให้ทุเลาลง ก่อนที่มันจะบาดลึกมากไปกว่านี้
ขอบคุณครับ