เปิดจดหมาย 'แรมโบ้' เตือนสติ 'ตู่เพื่อนรัก' อย่าถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง

เปิดจดหมาย 'แรมโบ้' เตือนสติ 'ตู่เพื่อนรัก' อย่าถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง

"แรมโบ้" เตือนสติ "เพื่อนตู่" อย่ายุคนลงถนน-ถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง หวั่นประเทศเสียหายมากพอแล้ว

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมกลุ่มประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติกรณีเชื่อว่า 14 ตุลาคม 2563 คนจะออกมาชุมนุมมืดฟ้ามัวดิน มากกว่าวันที่ 19 กันยายน 2563 โดยมีเนื้อหา ระบุว่า

"พอเถอะตู่เพื่อนรัก"

ประเทศชาติเสียหายบอบช้ำมามากแล้ว ประชาชนก็บาดเจ็บล้มตายเพราะพวกเรามามากแล้ว ทำไมต้องให้เพื่อนคนนี้เตือนหลายครั้งหลายคราว เราก็โตกันแล้วอายุก็มากแล้วแก่ลงทุกวัน ป่านนี้ยังคิดไม่ได้อีกหรือว่า สิ่งใดควรพูดสิ่งใดไม่ควรพูด ใช้สติคิดใช้ปัญญาคิด อย่าพูดแค่สะใจหรือเอามันส์ อย่าพูดเพื่อเรียกคะแนนมวลชน ยุให้คนลงถนนอีก บาปบุญมันมีจริงนะเพื่อน

10 กว่าปีที่ผ่านมา ถ้าเพื่อนเชื่อเราในวันนั้น จะไม่มีเหตุการณ์ความเสียหายมากมายในอดีตวันนั้น หวังว่าเพื่อนคงไม่ลืม ซึ่งจะไม่มีใครติดคุกติดตาราง จะไม่มีใครโดนคดี จะไม่มีใครล้มหายตายเจ็บ เป็นเพราะเพื่อนและแกนนำบางคนมันดื้อเอาแต่ใจ เป็นเพราะคนที่สั่งการอยู่ข้างหลังที่คอยชักใยจนทำให้ประเทศพังย่อยยับ อย่าให้เราต้องพูดอะไรเลยนะเพื่อน หยุดเถอะ พอเถอะ ตำแหน่งทุกอย่างมันเป็นแค่หัวโขน ให้เพื่อนนึกถึงประเทศชาติ ประชาชนเป็นหลัก มาช่วยกันประคับประคองให้ชาติบ้านเมืองเดินไปให้ได้ ต้องเอาบทเรียนในอดีตมาเตือนใจ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยครั้งแล้วครั้งเล่า

ตั้งสติ ทบทวนตัวเอง อย่าให้ใครมาเป่าหู เป็นตัวของตัวเองยังไม่สาย บางทีคนเราอาจจะตายเพราะคำพูด เหมือนสุภาษิต "ปลาหมอตายเพราะปาก" คำพูดเป็นนายตัวเอง สุดท้ายของชีวิต และลมหายใจ ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง เราต้องไม่เป็นเครื่องมือให้กับคนที่คิดร้ายต่อบ้านเมือง ลมหายใจสุดท้ายควรที่จะมาทุ่มเทช่วยกันปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้อยู่รอดปลอดภัยไม่ให้ใครมาทำให้แตกแยกล่มสลายเด็ดขาดเพราะเป็นสถาบันหลักของบ้านเมือง เราต้องช่วยกันรักษาไว้

อีกไม่กี่ปีพวกเราก็จากโลกนี้ไปแล้วเพื่อน อะไรที่ทำให้คนไทยรักกัน ทำให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ เพื่อนช่วยพูดให้เกิดความรักความสามัคคีของคนในชาติดีกว่า อย่าเที่ยวพูดยุแหย่ให้คนลงถนนมันยิ่งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนประเทศไทยเสียหาย ไม่ได้ช่วยอะไรให้ประเทศดีขึ้นเลย

ก็ไหนเพื่อนบอกไม่เห็นด้วยกับคนที่คิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เราก็ทราบว่าเพื่อนจงรักภักดีที่สุด และเพื่อนก็ทราบกลุ่มคนแกนนำเหล่านั้น จาบจ้วงก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง เราอย่าไปยุ่งหรือสนับสนุนเด็ดขาด คนเราต้องอย่าพูด "ถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง" พอเถอะเพื่อน ตั้งสติ มีสมาธิ พวกเราพลาดมามาก เจ็บช้ำหัวใจมามากเพราะตกเป็นเครื่องมือคนอื่นเขา จากนี้ไปเราจะตกเป็นเครื่องมือให้ใครไม่ได้อีกแล้ว คนอื่นที่เขาเคยใช้เราเขามีความสุขสบาย แต่พวกเราทุกข์หนักกว่าเดิมต้องโดนคดีมากมายหลายคดีเพื่อนฝูงต้องติดคุกติดตาราง ครอบครัวเดือดร้อนทุกข์แสนสาหัสถ้วนหน้า ส่วนคนสั่งการอยู่สุขสบายเพื่อนก็รู้ เจ็บแล้วต้องจำนะเพื่อน บทเรียนมันจะสอนใจพวกเราว่า ถึงเวลานี้ ลมหายใจที่เหลืออยู่ ประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อไปให้ได้ คนไทยมีความรักสามัคคีปรองดองกัน และไม่ให้คนไทยมีความขัดแย้งกัน หยุดใช้วาทะกรรมที่ทำลายบรรยากาศทำลายประเทศไทยเถอะนะครับ

#หยุดทำลายสถาบัน#หยุดเล่นการเมืองบนถนน# หมดเวลาเล่นกีฬา#หยุดวาทกรรมทำลายชาติ# รวมไทย สร้างชาติ#รวมพลังปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา นายจตุพร ได้กล่าวถึงการชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.ว่า ส่วนตัวเชื่อว่าแม้ประชาชนไม่มีสิทธิ์เลือกรัฐบาลได้ แต่ถ้าขบวนการต่างๆ ลดข้อเรียกร้องให้พุ่งเป้ากดดันเฉพาะรัฐบาลและรัฐสภาแล้ว จะมีประชาชนออกมาชุมนุมในวันที่ 14 ต.ค.อย่างมืดฟ้ามัวดิน อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยขณะนี้กำลังเดินไปพบทางตันเข้าไปทุกขณะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกว่ายังไม่ท้อ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ปฏิเสธไม่มีรัฐบาลแห่งชาติ รวมทั้งมีนักวิเคราะห์การเมืองกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในพรรคเพื่อไทยแตกต่างกันไป

"หลายปีที่ผ่าน ประชาชนไม่มีสิทธิ์เลือกรัฐบาล เพราะท้ายที่สุดต้องอยู่กับวังวนรัฐบาลจากรัฐประหารทุกครั้งผมมีความเชื่อว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนกราน และไม่รู้จะแข็งแรงกันได้อีกกี่วันว่าไม่ลาออก ไม่ยุบสภา จึงทำให้ดัชนีการเมืองด้านอื่น ต้องปิดประตูไปโดยปริยาย ยกเว้นจะมีขบวนการรัฐประหารพังประตูเข้าไปอีก"นายจตุพร กล่าว

ส่วนตัวเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในพรรคเพื่อไทย ยังไม่ถึงขั้นจะเป็นการเปลี่ยนรัฐบาล ส่วนกลไกที่ออกแบบการสืบทอดอำนาจกันมานั้น มีความแยบยลทุกขั้นตอน การมีมาตรา 272 ให้ ส.ว.เลือกนายกฯได้ เป็นเพียงการขู่พรรคการเมือง แม้พรรคประชาธิปัตย์ กลับคำพูดมาสนับสนุนตั้งรัฐบาล แต่มีเงื่อนไขบางๆในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเป็นทางออก ซึ่งสุดท้ายจะรักษาคำพูดการแก้รัฐธรรมนูญไว้ได้อีกหรือไม่

"ผมเคยย้ำมาหลายครั้งว่า รัฐธรรมนูญอาจไม่ได้แก้สักมาตรา หรือถ้ารับแก้เพียงร่างเดียว ก็ไม่ทำให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นมา อีกอย่างการตัดสินใจยื้อ แก้รัฐธรรมนูญไปอีก 1 เดือน ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เมื่อผสมกับตัวรัฐบาลเองยังมีปัญหามากอยู่แล้ว ท้ายที่สุดจะกลายเป็นเงื่อนไขเรียกคนให้ไปบรรจบกันในวันที่ 14 ต.ค.และอาจออกมาสู่ถนนโดยไม่จำเป็น"ประธาน นปช.ระบุ

นอกจากนี้ ประกอบกับรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐบางคน พูดราวกับดูแคลนผู้ชุมนุม ว่ามีคนแค่หยิบมือเดียว ซึ่งจะทำให้เกิดการพิสูจน์กันให้เกิดคนมาร่วมชุมนุมของจริงจำนวนมาก ดังนั้น สภาฯ ยื้อลงมติแก้รัฐธรรมนูญ และ ส.ส.บางคนท้าทายอารมณ์ความรู้สึกประชาชน ซึ่งจอมพลประภาส จารุเสถียร ต้องพังพินาศ ด้วยการข่าวเช่นนี้มาแล้ว

"ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก่อน 14 ต.ค. เมื่อประชาชนไม่สบายใจอยู่แล้ว และยังถูกถากถางซึ่งหน้าอีก คงต้องถูกคนออกชุมนุมของจริงแบบมืดฟ้ามัวดิน ดังนั้น 14 ต.ค. คนจะมามากกว่า 19 ก.ย. อันเป็นผลมาจากการถากถาง"นายจตุพร ระบุ