'ยุทธพงศ์' แฉอีกพิรุธวุฒิป.เอก 'สันติ พร้อมพัฒน์' ไม่มีสาขาตามที่ระบุ

'ยุทธพงศ์' แฉอีกพิรุธวุฒิป.เอก 'สันติ พร้อมพัฒน์' ไม่มีสาขาตามที่ระบุ

"ยุทธพงศ์" แฉอีกพิรุธวุฒิป.เอก "สันติ พร้อมพัฒน์" ไม่มีสาขาตามที่ระบุ บี้ต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียว เอื้อประโยชน์เอกชน ขอนายกฯ ระงับไม่นำเข้า ครม.  

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.63  นายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงตั้งข้อสังเกตกรณีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ที่ระบุว่าจบด็อกเตอร์จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยนำคลิปที่นายสันติให้สัมภาษณ์สื่อที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายสันติพูดชื่อสถาบันการศึกษาผิด เป็นสถาบันเทคโนโลยีลาดกระบังเจ้าคุณทหาร ขณะเดียวกัน ก็บอกด้วยว่าจบสาขารถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังฮิตที่สุด อินเทรนด์ที่สุด แต่เมื่อตนไปตรวจสอบที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบว่าไม่มีสาขาวิชาดังกล่าว และหลักสูตรที่นายสันติเข้าเรียนคือ ปรัชาญาดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่ที่เพิ่งเปิดเมื่อปี 2559 และเป็นหลักสูตรนานาชาติ

แต่ในฐานะที่ตนจบวิศวะ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุกคนทราบว่าหากจะเรียน วิศวกรรมศาสตร์ ปริญญาเอก จะต้องมีวิชาพื้นฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับวิศวกรรม 3 วิชา ประกอบด้วย วิชาวิศวกรรมเครื่องกลเบื้องต้น วิชากำลังไฟฟ้า และวิชาคอมพิวเตอร์และการออกแบบ แต่นายสันติ จบปริญญาตรีและโท ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งไม่มีคณะวิศวกรรม

ดังนั้น ที่นายสันติบอกว่าจบปริญญาเอก วิศวกรรมศาสตร์ ถามว่า "สันติ พร้อมพัฒน์" ไปเรียนที่ไหน เพราะที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ไม่มีสาขาตามที่ระบุ จึงอยากให้ชี้แจง

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบว่า "นายสันติ พร้อมพัฒน์" เคยเปิดอู่ซ่อมรถ ชื่ออู่ "ชนหนัก ชนเบา เราซ่อมได้" ย่านเอกมัย - เพชรบุรีตัดใหม่ และมีข้อมูลด้วยว่านายสันติ เคยหนีคดีไปอยู่ จ.เพชรบูรณ์ เพราะถูกออกหมายจับคดีเช็คเด้ง จากการทำกิจการอู่ซ่อมรถดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ก็อยากให้นายสันติออกมาชี้แจง

ส่วนเรื่องการขยายสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 40 ปี ที่เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้เสียรัฐมนตรีคลัง ไปแล้ว 2 คน คือ นายอุตตม สาวนายน และนายปรีดี ดาวฉาย ที่ไม่กล้าเซ็นอนุมัติโครงการดังกล่าว แต่นายสันติกลับกล้านำเสนอเข้าสู่ ครม. ทั้งยังบอกว่าทำสิ่งที่ถูกต้องอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายสันติยังไม่เคยเปิดเผยมูลค่าทรัพย์สินจริงๆเกี่ยวกับสัญญารถไฟฟ้าดังกล่าว ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ทั้งที่ พ.ร.บ.ร่วมทุน จะต้องมีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด และต้องนำเข้าคณะกรรมนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ พีพีพี ด้วย แต่นายสันติ และกระทรวงมหาดไทย อ้างว่า กทม.เป็นหนี้รับหนี้ไม่ไหว

จึงต้องยกหนี้ให้บีทีเอสมารับแทน ถามว่าบีทีเอส ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนเขาโง่หรือ เขาคงไม่โง่มารับหนี้กว่า 7 หมื่นล้านบาท มีแต่รัฐบาลที่แกล้งโง่ และไม่ยอมนำเรื่องดังกล่าเข้าพ.ร.บ.ร่วมทุน ที่สำคัญ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลับออกมาตรา 44 มาบังคับใช้ เพื่อยกเว้นการใช้กฎหมายที่มีอยู่ ก็ขอฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ที่บอกว่าให้ทุกคนเคารพกฎหมาย แล้วตัวท่านเคารพกฎหมายหรือไม่ เพราะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนอย่างบีทีเอส

จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.ดลาโหมยับยั้งเรื่องนี้ เพราะมีรายงานจากคณะกรรมาธิการวิสามัญที่พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว ว่าไม่เห็นด้วบกับการต่อขยายสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว ขณะเดียวกัน ครม.เองก็มีมติและส่งเรื่องมายังรัฐสภา ให้ กทม. ปฏิบัติตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน จึงถามกระทรวงการคลังว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ พร้อมเรียกร้องเป็นรอบที่สิบว่ากลัวอะไรหนักหนา ถึงไม่เข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน หากเจ้าสัวคนอื่นๆ อยากได้สัมปทานบ้าง จะต้องออกกฎหมายยกเว้นให้หรือไม่ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ลุแก่อำนาจ เป็นเหตุผลว่าทำไมนักเรียน นักศึกษา จึงออกมาขับไล่รัฐบาล