“คันทรี่กรุ๊ป”เบรกรร.นานาชาติ รุกโรงแรม-คอนโดริมเจ้าพระยา

นายเบน เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทชะลอแผนทุนโรงเรียนนานาชาติ “คอนคอร์เดีย”ย่านพระราม 3 บนพื้นที่ 20 ไร่ จะเปิดสอนนักเรียนตั้งแต่อายุ 2–18 ปีในหลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้เพื่อตรงสู่ระบบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาชั้นนําของโลกโดยหลักสูตรดังกล่าวจะให้ความสําคัญกับการพัฒนาของเด็กในด้านความเป็นเลิศทางวิชาการและในด้านบุคลิกภาพผ่านการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆไปเป็นปีหน้า เพราะต้องการโฟกัสธุรกิจโรงแรมและคอนโดก่อนหลังจากที่ใช้เวลาในการก่อสร้างมานานถึง10 ปีซึ่งโครงการ “เจ้าพระยา เอสเตท” เป็นโครงการมิกส์ยูส ที่มีทั้งคอนโดมิเนียมและโรงแรม 5 ดาวสองแห่ง มูลค่าโครงการ 32,000 ล้านบาท และ โครงการโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์ มูลค่า2.1หมื่นล้านบาท

นายเบน ระบุว่า หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ในไตรมาส4ปีนี้ บริษัทจะเปิดโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ และ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับ แม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มจากโรงแรมคาเพลลา จะบริการเดือนต.ค. นี้ โดยโรงแรมตั้งอยู่บนพื้นที่ 35 ไร่ มีบริการห้องพักวิลล่าและห้องสวีทจำนวน 101 ห้อง ซึ่งทุกห้องมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา

ส่วนโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ อยู่บนพื้นที่ 22 ไร่ จะเป็น ห้องพักแบบโลว์ไรซ์ จำนนวน 299 ห้อง ออกแบบโดย Jean-Michel Gathy สถาปนิกชื่อดังระดับโลก ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนพ.ย. นี้ หลังจากที่ได้เลื่อนการเปิดบริการโรงแรมทั้ง2แห่งในช่วงต้นปี 2563 เพราะเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อรองรับดีมานด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่กำลังจะเข้ามา หากรัฐมีการเปิดน่านฟ้าในช่วงปลายปีนี้

“แม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามาแต่กลุ่มลูกค้าในประเทศได้จองเข้าใช้บริการที่โรงแรมล่วงหน้าแล้วประมาณ50งานโดยจะเป็นโลคัลดีมานด์ที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นไปตามแผนของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่การจัดงานกับที่พักในสัดส่วน 50:50เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ โดยจะให้ความสำคัญกับพื้นที่การจัดงานมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับโรงแรมอื่นๆเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าที่ต้องการมาใช้พื้นที่เนื่องจากเป็นทำเลที่ริมน้ำเจ้าพระยา ขณะที่ห้องพักมีจำนวนไม่มากนักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว หรือคนไทยที่ต้องการมีสัมผัสบรรยากาศชีวิตริมน้ำเจ้าพระยา ”

นายเบน กล่าวว่า ส่วนของคอนโดโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์ มูลค่า2.1หมื่นล้านบาท สูง 73 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 105-1,000 ตารางเมตร ราคา 45-400 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 250,000-570,000 บาทต่อตารางเมตร จำนวน 366 ยูนิตปัจจุบันเหลือขายห้องชุดพรีเมี่ยม30% หรือคิดเป็นมูลค่า 7,000ล้านบาท หลังจากได้โอนห้องให้กับลูกค้าและรับรู้รายได้แล้ว 1,000ล้านบาทยังมี Backlog คงเหลือรอโอนและรับรู้รายได้ทันทีในครึ่งปีหลัง 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการคืนหนี้ค่าก่อสร้างทั้งหมดของโครงการจำนวน 1.1 หมื่นล้านบาทเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ต้องการซื้อคอนโดติดริมแม่น้ำไว้พักผ่อน

“แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาโอนได้แต่มียอดการโอนเข้ามาสม่ำเสมอ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ และมีสัดส่วนยอดขายถึง64%ซึ่งมาจากฮ่องกง 28% จีน 11%สิงคโปร์ 7%ไต้หวัน7%ส่วนอีก36%เป็นลูกค้าคนไทย ที่มีอายุตั้งแต่35ปีขึ้นไปและบางส่วนเป็นการซื้อให้กับลูกหลาน”

สำหรับผลดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2/2563 มีรายได้รวม 1,306.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 941.81 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 257.93% เทียบจาก 365.14 ล้านบาทในไตรมาส 2/2562 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการขายอาคารชุดโฟร์ซีซั่นส์ ไพรเวท เรสซิเด้นท์เพิ่มขึ้น 717.71 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 262.22 ล้านบาท มีกําไรสุทธิ 544.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 438.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 411.66% จาก 106.41 ล้านบาท ของไตรมาส 2/62 ขณะที่รายได้รวมงวด 6 เดือนของปี 2563 มีจํานวน 1,114.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 629.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 129.78% จาก 484.95 ล้านบาทเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562

นอกจากนั้น บริษัทยังลงทุนเข้าซื้อดาต้า เซนเตอร์ให้เช่าในสหราชอาณาจักร ตามด้วยการลงทุนในกรรมสิทธิ์การเช่าอาคารในเมือง Brighton ประเทศอังกฤษ ส่วนที่ดินเนื้อที่ 80 ไร่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 314 (ถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา) ใน อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ใกล้โรงงานโตโยต้า บ้านโพธิ์ ที่เคยมองว่า มีโอกาสพัฒนาเป็นโครงการรีเทลนั้น คงต่อรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นโปรเจคที่จะทยอยพัฒนาหลังจากการลงทุนทำโรงเรียนนานาชาติ “คอนคอร์เดีย”ย่านพระราม 3