เร่งหาต้นตอ 'ดีเจ' ติดโควิด สั่งกักกลุ่มเสี่ยงสูงลอตแรก 63 คน

เร่งหาต้นตอ 'ดีเจ' ติดโควิด สั่งกักกลุ่มเสี่ยงสูงลอตแรก 63 คน

แถลงด่วนพบผู้ติด “โควิด-19” ในประเทศรายแรกรอบ 100 วัน เป็นผู้ต้องขัง อาชีพดีเจทำงาน 3 ผับใน กทม.เร่งสอบไทม์ไลน์หาต้นตอติดเชื้อก่อนเข้าเรือนจำ พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงกลุ่มแรก 63 ราย

ทั้งผู้ต้องขัง ครอบครัว จนท.เรือนจำ-ศาล ขยายผลตามกลุ่มนักท่องเที่ยว ขณะที่ กทม.สั่งปิดผับ 3 แห่ง ทำความสะอาด 

หลังจากกรมราชทัณฑ์เปิดเผยว่า มีผู้ต้องขัง 1 ราย เพศชาย อายุ 37 ปี ต้องโทษคดียาเสพติด ถูกคุมขังในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง บางเขน กทม.ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ ผลตรวจพบเชื้อโรคโควิด-19 ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แถลงข่าวด่วนให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์

      วานนี้(3 ก.ย.) เมื่อเวลา 17.45 น.ที่​กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.วีระกิตต์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนพ.เมธิพจน์ ชาคะเมธีกุล ผอ.กองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ร่วมกันแถลงข่าวกรณีผู้ต้องขังชายไทย ตรวจพบเชื้อโควิด-19 อยู่ระหว่างกักตัว ก่อนเข้าแดนในเรือนจำ

นพ.สุวรรณชัย แถลงว่า ประเทศไทยยืนยันพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เป็นผู้ต้องขังชายที่อยู่ระหว่างการแยกกักกันก่อนเข้าสู่แดนปกติของทัณฑสถานบําบัดพิเศษกลาง ถือเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศรายแรกหลังจากที่ไม่มีรายงานมาเป็นเวลา 100 วัน

“กรณีเป็นการยืนยันสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามสื่อสารกับประชาชนมาโดยตลอด ว่าขอให้คงมาตรการในป้องกันการติดเชื้อส่วนบุคคล ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล และเว้นระยะห่างจากบุคคลอื่นอย่างน้อย 2 เมตร ซึ่งหากมีการพบผู้ติดเชื้อหากบุคคลอื่นและสถานประกอบการมีการคงมาตรการหลักและมาตรการเสริมตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ก็จะทำให้สามารถติดตามและควบคุมโรคได้เร็ว ไม่ระบาดเป็นวงกว้าง ขอให้ประชาชนคงมาตรการตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด” นพ.สุวรรณชัย

พญ.วลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า กรมได้รับรายงานผู้ติดเชื้อรายนี้เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นผลการตรวจที่เกิดขึ้นเป็นประจำในเรือนจำ ระหว่างที่มีการแยกกักกันก่อนเข้าแดนปกติ ที่จะมีการตรวจตราในผู้ต้องขังแรกรับทุกรายมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 โดยหลังจากได้รับรายงานจึงขอให้มีการตรวจสอบซ้ำว่า เป็นการติดเชื้อจริงหรือไม่ โดยผลการส่งตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ(ห้องแล็บ) 2 แห่ง พบว่า เป็นการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จริง

เร่งหาต้นตอ \'ดีเจ\' ติดโควิด สั่งกักกลุ่มเสี่ยงสูงลอตแรก 63 คน

สธ.-กทม.-ราชทัณฑ์ลงพื้นที่สอบสวน

กรมได้ส่งทีมลงไปสอบสวนโรคร่วมกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร และทีมราชทัณฑ์ ผลการสอบสวนเบื้องต้น พบว่า ผู้ป่วยรายนี้มีอาการ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2563 มีเสมหะ อาการไม่ชัดเจน จนวันที่ 2 กันยายน 2563 มีการเก็บตัวอย่างจากโพรงจมูกส่งตรวจทางห้องแล็บ พบการติดเชื้อ จากการซักประวัติย้อนหลังไป 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2563

 โดยข้อมูลที่ได้ในตอนนี้ มีการตรวจสอบบ้านพักที่บ้านสวนธนพุทธบูชา บางมด กรุงเทพฯ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นคนในครอบครัว 7 คน ขณะนี้ติดตามตัวได้แล้ว 5 คน เหลืออีก 2 คน ซึ่งเดินทางไปต่างจังหวัดในเขตปริมณฑล คาดว่าวันที่ 4 กันยายนน่าจะติดตามตัวได้ และทำงานเป็นดีเจที่ “ร้าน 3 วัน 2 คืน” จำนวน 2 สาขา คือ สาขาพระราม 3 และสาขาพระราม 5 ครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 12 -25 สิงหาคม 2563

เร่งติดตามกลุ่มสัมผัสใกล้ชิด

รวมถึงทำงานที่ร้าน เฟิร์ส คาเฟ่ ถนนข้าวสาร ในวันที่ 18 สิงหาคม ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนหาผู้สัมผัสใกล้ชิด ดังนั้นผู้ที่เดินทางไปร้านดังกล่าวในช่วงวันที่ผู้ติดเชื้อทำงาน หากใส่หน้ากากอนามัยและไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดก็ไม่ถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แต่ขอให้สังเกตอาการตัวเองว่ามีไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสหรือไม่ หากกังวลสามารถติดต่อเพื่อสอบถามและประมาณความเสี่ยงได้

วันที่ 26 สิงหาคม 2563 ขับรถส่วนตัวไปศาลรัชดา และไปที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง โดยอยู่เฉพาะบริเวณกักกัน ก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงประมาณ 20 คน เป็นทนายความ 1 คน เจ้าหน้าที่เรือนจำ 2 คน นักโทษที่มีตัดสินคดีร่วม 2 คน นักโทษร่วมรถโดยสาร 15 คน 

และวันที่ 29 สิงหาคม อยู่ในบริเวณกักกันก่อนเข้าแดนปกติของเรือนจำ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงประมาณ 36 คน เป็นผู้ต้องขังในห้องเดียวกัน 34 คน และอาสาสมัครนักโทษที่เป็นคนดูแลอีก 2 คน รวมผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในตอนนี้ 63 คน 

เผยรายที่สองพบในเรือนจำ

      ด้าน นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ ต้องดูแลผู้ต้องขังกว่า 3 แสนคน ซึ่งไม่ได้ตรวจพบเจอจำนวนมาก โดยรายนี้เป็นรายที่ 2 พบเจอในสถานที่ต้องขัง บางเขน ซึ่งมีผู้ต้องขังรวม 8 พันคน 

ยืนยันว่าทางราชทัณฑ์ ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมป้องกันโรค โดยแยกกักผู้ต้องขังรายใหม่ 14 วัน ก่อนนำเข้าแดนปกติในเรือนจำ ซึ่งหลังจากตรวจเจอเชื้อในรายนี้ ได้ส่งไปรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ เป็นห้องระบายอากาศ ยังไม่ได้ให้ยาอะไร เนื่องจากยังไม่มีอาการ แต่หากมีอาการก็จะประสานขอส่งตัวมารักษาที่สถาบันบำราศนราดูรต่อไป 

กทม.สั่งปิด 3 ผับทำความสะอาด

ส่วนผู้สัมผัสทั้งหมดก็ได้ส่งเข้าไปอยู่ รพ.ทัณฑ์สถานเช่นเดียวกัน เป็นห้องระบายอากาศ 1 ห้อง ต่อ 1 คน จนกว่าจะครบระยะฟักตัวของโรค ทั้งนี้ยืนยันว่า ผู้คุมที่คุมนักโทษระหว่างกักกันตัวนั้นจะไม่ให้เข้าไปดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำปกติ ดังนั้นขอให้มั่นใจว่า จำนวนผู้ขัง 8,000 รายในเรือนจำปกติไม่มีความเสี่ยงจากผู้ติดเชื้อรายนี้แต่อย่างใด

นพ.เมธีพจน์ ชาตะเมธีกุล ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อสำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งปิดสถานบันเทิงทั้ง 3 แห่งเป็นเวลา 3 วัน แล้วเพื่อทำความสะอาด

ราชทัณฑ์แยกกักผู้ต้องหา 34 คน

ขณะที่ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า  ทางทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เป็นผู้รับตัวไว้ เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2563 และเข้ารับการกักกันตัวในห้องแยกโรคตามนโยบายกรมราชทัณฑ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้าตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 กลุ่มผู้ต้องขังรับใหม่ภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางเป็นประจำทุกประจำสัปดาห์ จึงได้พบว่ามีผู้ต้องขังเข้าใหม่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ดังกล่าว 

พร้อมนี้นายแพทย์วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดี กรมราชทัณฑ์ ได้ลงพื้นที่เพื่อหาสาเหตุการติดเชื้อในผู้ต้องขังรายนี้เป็นการเร่งด่วนแล้ว และได้สั่งการให้ย้ายผู้ติด เชื้อไปเข้ารับการรักษาตัวที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทันที พร้อมย้ายผู้ต้องขังที่ได้รับการกักตัวในหอแยกโรคของทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางที่อยู่ในหอนอนเดียวกัน ไปแยกกักกันโรคต่อจนครบ 14 วัน ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วยเช่นกัน ซึ่งในวันนี้กรมควบคุมโรคและสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เข้าสอบสวนโรค และส่งตรวจเลือด กลุ่มผู้ต้องขังที่อยู่หอนอนเดียวกัน จำนวน 34 คน โดยผู้ต้องขังที่พบผลบวก 1 ราย ได้เก็บส่งตรวจเพื่อเพาะเลี้ยงเชื้อโควิด- 19 แยกประเภทเชื้อเป็น หรือเชื้อตาย ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ไม่พบประวัติเดินทางไปตปท.

โดยจากการซักประวัติพบว่า ผู้ต้องขังรายนี้ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ ไม่เคยสัมผัสผู้ติดเชื้อก่อนเข้าเรือนจำ ประกอบอาชีพดีเจ ย่านพระราม 3 และ พระราม 5 พร้อมนี้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้เข้าตรวจกลุ่มเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ต้องขังดังกล่าวอีกด้วย

เข้าคุก 8 วันไม่สัมผัสผู้ต้องขังเก่า

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องขังรายนี้ เป็นผู้ต้องขังรับใหม่เข้ามาอยู่เรือนจำได้เพียง 8 วัน และยังอยู่ระหว่างการแยกกักโรค 14 วัน ตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์ มิได้สัมผัสกับผู้ต้องขังเก่าในเรือนจำแต่อย่างใด อีกทั้งผลการตรวจดังกล่าวยังไม่สามารถยืนยันว่าผลตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อโควิด- 19 ของผู้ต้องขังรายนี้ เป็นผลบวกต่อเชื้อที่มีชีวิตหรือผลบวกต่อเศษซากเชื้อที่ตายแล้ว 

หากผลการตรวจเป็นประการใด กรมราชทัณฑ์ จะได้รายงานและแจ้งให้ประชาชนทราบอีกครั้งหนึ่ง และกรมราชทัณฑ์ ยังคงมีมาตรการใน การควบคุมและป้องการการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในเรือนจำอย่างเคร่งครัดต่อไป