ภูเก็ต เตรียมมาตรการ 4 ระยะ เปิดประตูรับ นทท.ต่างชาติ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ภูเก็ต เตรียมมาตรการ 4 ระยะ เปิดประตูรับ นทท.ต่างชาติ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ภูเก็ตพร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดเริ่ม 1 ต.ค.นี้ เสนอแนวทาง ศบค. ด้วยมาตรการเข้ม 4 ระยะ สร้างความมั่นใจท่องเที่ยววิถีใหม่ ปลอดภัยสูง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังคลี่คลายโควิด-19

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 63 นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เปิดเผยถึงจังหวัดภูเก็ตเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังคลี่คลายโควิด-19 ว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และคณะได้เสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เกี่ยวกับแนวทางการรับท่องเที่ยวต่างชาติไว้ 4 ระยะ เบื้องต้นกำหนดไว้วันที่ 1 ต.ค. 63 ที่จะเปิดประตูรับกลุ่มแรกตามที่ ศบค.อนุญาตให้เข้าประเทศไทย 11 กลุ่ม อาทิ นักศึกษาที่ศึกษาในประเทศไทย คู่สมรสคนไทย ใบอนุญาตทำงาน บัตรรับรองต่าง ๆ คณะทูต กงสุล เป็นต้น สามารถเปิดรับได้แล้ว และกลุ่มภูเก็ตไทยแลนด์ ลองสเตย์ ที่จะเข้ามาพักผ่อนในระยะยาวอย่างน้อย 3 เดือน ซึ่งกลุ่มนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เสนอ ศบค.และผ่านการเห็นชอบแล้ว

นพ.เฉลิมพงษ์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกนี้จะต้องมีใบรับรองแพทย์ก่อนการเดินทาง 3 วันว่าปลอดภัย ไม่ติดเชื้อโควิด-19 มีการซื้อประกันรักษาสุขภาพไม่ต่ำกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐ และเมื่อมาถึงที่ท่าอากาศยานภูเก็ตจะต้องตรวจที่ท่าอากาศยานอีกครั้งตามที่จังหวัดภูเก็ตร้องขอ โดยสำนักงานควบคุมโรคเขตที่ 11 จะตั้งห้องแล็บตรวจหาเชื้อ หากพบจะนำส่งโรงพยาบาลทันที เมื่อถึงโรงแรมที่พักจะไม่อนุญาตให้ออกจากห้องพักจนครบ 14 วัน และตรวจหาเชื้ออีก 2 ครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะได้รับการอนุญาตให้ออกไปใช้ชีวิตเหมือนคนไทยในรูปแบบ New Normal

นพ.เฉลิมพงษ์ กล่าวด้วยว่า เมื่อมีการประเมินว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติระยะที่ 1 สามารถดำเนินการได้ตามแนวทางและมาตรการที่กำหนด จังหวัดภูเก็ตก็จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในระยะที่ 2 คือ “เซฟตี้ ทัวริสซึม” โดยจะเลือกรับนักท่องเที่ยวในประเทศที่ไม่มีการแพร่ระบาด หรือมีการแพร่ระบาดน้อยที่สุด เพื่อลดความเสี่ยง โดยใช้มาตรการเดียวกันกับกลุ่มแรก คือจะต้องกักตัว 14 วัน แต่ในกลุ่มนี้จะผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวสามารถที่จะผ่อนคลายได้บ้าง นักท่องเที่ยวสามารถเดินออกมาจากห้องพักตามเวลาที่กำหนด เช่น วันละ 2 ครั้ง

ระยะที่ 3 จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมั่นใจแล้วว่า การดำเนินการในระยะที่ 1และ 2 ไม่มีการระบาดสู่คนไทย โดยเลือกประเทศที่ปลอดภัยจากโควิด-19 กลุ่มประเทศที่มีการแพร่ระบาดน้อย หรือประเทศที่มีความเสี่ยงปานกลาง กลุ่มนี้จะมีการหารือกันอีกครั้ง และยังคงมาตรการกักตัว 14 วันเหมือนเดิม

ส่วนระยะสุดท้าย คือ “เฮลท์ทัวริสซึม” จะอยู่ในช่วงที่มีการผลิตวัคซีนได้แล้วและการแพร่ระบาดน้อยมาก เมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงก็จะตรวจหาเชื้อที่ท่าอากาศยานภูเก็ต หากไม่พบเชื้อ ก็สามารถท่องเที่ยวได้แบบ New Normal ซึ่งในระยะนี้จะต้องมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

“แนวทางและมาตรการดังกล่าวนี้ไม่ได้ใช้เฉพาะใน “ภูเก็ตโมเดล” เท่านั้น แต่สามารถที่จะนำไปใช้กับจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ มั่นใจว่าไม่เกินปีหน้าเราจะมีวัคซีนและต้นปี 65 โควิด-19 จะหายไป เมื่อโควิด-19 ไป วัคซีนมา ภูเก็ตจะได้เปรียบด้านการท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาส และสร้างความมั่นใจท่องเที่ยววิถีใหม่และความปลอดภัยสูง นี่คือวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการแง้มจังหวัดภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ” นพ.เฉลิมพงษ์ กล่าว