นายกฯสั่งกองทัพเรือ ชะลอซื้อเรือดำน้ำ 2.2 หมื่นล้าน

นายกฯสั่งกองทัพเรือ ชะลอซื้อเรือดำน้ำ 2.2 หมื่นล้าน

โฆษก รบ. ยืนยัน นายกฯประยุทธ์ สั่งกองทัพเรือ ชะลอซื้อเรือดำน้ำ 2.2 หมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 31 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวกรณีการจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และลำที่ 3 สืบเนื่องจากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่กำลังพิจารณางบในส่วนของกระทรวงกลาโหม โดยหนึ่งในนั้นเป็นงบจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ 2 ลำ โดยในปี 64 ที่มีการขออนุมัติ 3,375 ล้าน จะมีการชำระเป็นเวลา 7 ปี ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 63 กองทัพเรือได้ของบไปแต่การระบาดของโควิด-19 ทำให้ชะลอการของบปี 63 ออกไป มาเป็นปีนี้แทน

นายอนุชา กล่าวว่า อย่างไรก็ตามวันนี้ ทางกรรมาธิการฯ ได้คุยกันและมีข้อกังวล รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้หารือกับหน่วยงานเป็นการภายใน รวมถึงกองทัพเรือแล้ว ได้ข้อสรุปว่า ให้กองทัพเรือพิจารณาชะลอการสั่งซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ออกไป เพื่อนำงบในส่วนดังกล่าว 3,375 ล้านบาท ไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น เพิ่อดูแลประชาชนต่อไป ทั้งในเรื่องปากท้อง และเรื่องที่เหมาะสมต่างๆ ทั้งนี้ ทางกระทรวงกลาโหม และกองทัพเรือ จะได้ชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ อีกครั้ง

ทั้งนี้ จากกรณีที่รายงานข่าวจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 แจ้งว่า จากวาระการประชุมเพื่อให้คณะอนุกมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ที่มีนายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน เข้ารายงานผลการพิจารณา ซึ่งรวมถึงงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 2.25 ล้านบาท ในวันที่ 31 ส.ค. 

159884793151

โดยมีแนวโน้มที่ กมธ.งบประมาณฯ คณะใหญ่ จะมีมติเห็นต่างจากอนุกมธ.ครุภัณฑ์ฯ ที่มีมติ 5 ต่อ 4 เสียง ให้เดินหน้าโครงการดังกล่าว จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของการใช้งบประมาณ ทำให้รัฐบาลไทยต้องประสานไปยังรัฐบาลจีน เพื่อขอชะลอโครงการดังกล่าวออกไปก่อน ตามแผนสำรองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้

รายงานข่าวยังแจ้งด้วยว่า รัฐบาลได้รับคำตอบจากรัฐบาลจีน โดยยินยอมชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปตามที่รัฐบาลไทยร้องขอ จึงได้ส่งสัญญาณถอยมายังกมธ.งบประมาณฯในซีกรัฐบาล เพื่อให้เตรียมขั้นตอนการตัดงบประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นเงินงวดแรก จากวงเงิน 2.25 ล้านบาทในการซื้ดำน้ำ 2 ลำนี้ออกไป โดยจะเชิญกองทัพเรือในฐานะหน่วยของรับงบประมารณฯเข้าชี้แจงถึงเหตุผลต่อไป