ส่องผลงาน 8 ปี 'อาเบะ' ก่อนทิ้งเก้าอี้นายกฯญี่ปุ่น

ส่องผลงาน 8 ปี 'อาเบะ' ก่อนทิ้งเก้าอี้นายกฯญี่ปุ่น

ย้อนดูผลงานสำคัญช่วง 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของ "ชินโซ อาเบะ" ซึ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (28 ส.ค.) เนื่องจากมีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง แต่ก่อนจะทิ้งเก้าอี้ผู้นำญี่ปุ่น อาเบะได้ทำอะไรให้กับประเทศบ้าง

นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แถลงในกรุงโตเกียวว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากประสบปัญหาลำไส้อักเสบเรื้อรัง ทำให้เขาไม่สามารถทำงานในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป

"ตอนนี้ผมไม่อาจทำงานตามความไว้วางใจจากประชาชนได้แล้ว ผมจึงตัดสินใจไม่อยู่ในตำแหน่งนี้อีกต่อไป" อาเบะกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า

สำหรับเหตุการณ์และผลงานสำคัญตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ปีที่ผ่านมาของคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่นำโดยนายกรัฐมนตรีอาเบะ ซึ่งนั่งเก้าอี้นายกฯรอบล่าสุดตั้งแต่ปี 2555 สำนักข่าวเกียวโดได้ไล่เรียงไทม์ไลน์ไว้ดังนี้

ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ก.ย. 2549 อาเบะเข้ารับตำแหน่งประธานพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) ตามมติเลือกผู้นำพรรค จากนั้น อาเบะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 90 ของญี่ปุ่น และเป็นการนั่งเก้าอี้นายกฯสมัยแรกของเขา เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2549

ต่อมาในเดือน ก.ค. 2550 พรรคแอลดีพีประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ในการเลือกตั้งวุฒิสภาของญี่ปุ่น จากนั้น อาเบะได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 12 ก.ย. ปีเดียวกัน โดยขณะนั้น เขาอ้างถึงอาการป่วยจากโรคลำไส้

ถัดมาในวันที่ 26 ก.ย. 2555 อาเบะได้กลับมาเป็นประธานพรรคแอลดีพีอีกครั้ง และต่อมาในวันที่ 16 ธ.ค. พรรคแอลดีพีคว้าเสียงข้างมากในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร

จากนั้นในวันที่ 26 ธ.ค. ปีเดียวกัน อาเบะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเป็นสมัยที่ 2 หลังพรรคแอลดีพีและพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคนิวโคเมโตะคว้าเสียงสนับสนุนข้างมากจากสภาผู้แทนราษฎรมาได้

ปี 2556 รัฐบาลผสมของอาเบะได้รับเสียงข้างมากในวุฒิสภา ทำให้สภาไดเอตกลับมามีทิศทางเดียวกันอีกครั้ง และในเดือน ธ.ค. ปีเดียวกัน อาเบะเดินทางไปเยือนศาลเจ้ายาสุคุนิที่กรุงโตเกียวซึ่งเป็นที่เก็บอัฐิของทหารและอาชญากรสงครามโลก แม้มีกระแสต้านทานจากประเทศเพื่อนบ้าน

ปี 2557 รัฐบาลภายใต้การนำของอาเบะประกาศขึ้นภาษีบริโภคจาก 5% เป็น 8% ในเดือน เม.ย. จากนั้นในเดือน ก.ค. ญี่ปุ่นอนุมัติให้กองทัพสามารถใช้กำลังทหารได้ในบางสถานการณ์เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง นับเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดด้านนโยบายความมั่นคงของญี่ปุ่นนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

ต่อมาในเดือน ธ.ค. ปีเดียวกัน รัฐบาลผสมของอาเบะคว้าเสียงข้างมากได้ 2 ใน 3 จากการเลือกตั้งสภาล่าง

ปี 2558 อาเบะได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานพรรคแอลดีพีอีกครั้งโดยไม่มีผู้คัดค้าน และญี่ปุ่นได้ผ่านกฎหมายความมั่นคงซึ่งได้รับการออกแบบให้สามารถขยายขอบเขตของปฏิบัติการกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น จะส่งผลให้ญี่ปุ่นมีสิทธิ์ในการป้องกันประเทศ หรือให้ความช่วยเหลือแก่สหรัฐหรือประเทศพันธมิตรอื่น ๆ ที่ถูกโจมตี ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นเองจะไม่ถูกโจมตีก็ตาม

ปี 2559 รัฐบาลผสมของอาเบะได้รับเสียงข้างมากถึง 2 ใน 3 จากการเลือกตั้งวุฒิสภา และ ปี 2560 รัฐบาลผสมของอาเบะได้รับเสียงข้างมากถึง 2 ใน 3 จากการเลือกตั้งสภาล่าง

ปี 2561 อาเบะได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานพรรคแอลดีพีเป็นสมัยที่ 3

ปี 2562 พรรคแอลดีพีซึ่งเป็นพรรครัฐบาลญี่ปุ่นที่นำโดยนายกรัฐมนตรีอาเบะ คว้าชัยในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา แต่คะแนนรวมของพรรคแอลดีพีและพรรคนิวโคเมโตะซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลนั้น ยังไม่เพียงพอที่จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพนิยม ถึงแม้อาเบะคาดหวังไว้ว่าจะพยายามรักษาฐานเสียงในสภาเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านนโยบาย ซึ่งรวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว

เดือน ต.ค. ปีเดียวกัน ญี่ปุ่นได้ปรับขึ้นภาษีบริโภคจาก 8% เป็น 10% หลังเลื่อนมา 2 ครั้ง

ในปี 2563 อาเบะและคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ประกาศเลื่อนจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกซึ่งญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพในปีนี้ไปเป็นปี 2564 เนื่องจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19

ต่อมาในเดือน เม.ย. อาเบะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 7 จังหวัดของญี่ปุ่น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

และในเดือน ส.ค. อาเบะไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล 2 ครั้ง จนในที่สุด วันที่ 28 ส.ค. เขาได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ด้วยเหตุผลสุขภาพ แต่คาดว่า อาเบะจะไม่ตั้งใครมารักษาการนายกฯแทน แต่จะนั่งรักษาการเองจนกว่าพรรคแอลดีพีจะเลือกผู้นำคนใหม่