"ICT" sector (27 ส.ค.63)

"ICT" sector (27 ส.ค.63)

คิดถึง Dividend คิดถึง DTAC

การระบาดของ Covid-19 ส่งผลกระทบกับกลุ่ม ICT โดยทำให้กำไรใน 2Q20 ของกลุ่มลดลงทั้ง yoy (-25%) และ qoq (-9%) เพราะรายได้ลดลง เรายังคงมองว่า 2Q20 จะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการแย่ที่สุดในรอบปีนี้ และจะเริ่มฟื้นตัวได้ตั้งแต่ 3Q20 เป็นต้นไป เราเลือก DTAC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม จากการใช้นโยบายลดต้นทุนอย่างจริงจัง นอกจากนี้ DTAC ก็ยังไม่ต้องแบกภาระการลงทุนในโครงข่าย 5G บนคลื่น 2.6GHz ทำให้มีช่องให้สามารถจ่ายปันผลได้โดยให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม (ประมาณ 6%)

 

Covid-19 ส่งผลกระทบกับกลุ่ม ICT น้อยกว่ากลุ่มอื่น

ผู้ประกอบการมือถือก็ถูกกระทบจาก Covid-19 เช่นกันตามคาด โดยกำไรจากธุรกิจหลักของกลุ่มลดลง 25% yoy โดยเป็นการลดลงของผู้ประกอบการทุกราย และลดลง 9% qoq จากการลดลงของทุกรายยกเว้น DTAC สาเหตุสำคัญที่ฉุดให้กำไรลดลงคือรายได้ที่ลดลง 3% yoy และ 2% qoq เนื่องจากทั้งจำนวนผู้ใช้บริการ และ ARPU ยังคงลดลงทั้งคู่ ในภาพรวมของทั้งกลุ่ม ผู้ใช้บริการลดลง 1 ล้านรายใน 2Q20 (-2% yoy) โดยบริการ  prepaid ซึ่งตามปกติจะเป็นตัวทำยอดขาย SIMs ให้กับนักท่องเที่ยว และแรงงานต่างด้าว เป็นบริการที่ถูกกระทบหนักที่สุด ส่วนผู้ใช้บริการ Postpaid ก็ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ต่อไป และเพิ่มขึ้นประมาณ 730,000 รายใน 2Q20 ในขณะที่ ARPU ลดลง 1% เนื่องจากมีมาตรการอุดหนุนของ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้แก่ มาตรการใช้เน็ตฟรี 10GB และโทรฟรี 100  บาท

 

บริการ 5G จะฉุดกำไรในปี 2020

เรายังคงคาดว่าประเทศไทยน่าจะยังไม่พร้อมเปิดให้บริการ  5G ได้เร็วเหมือนกับบริการ 3G หรือ 4G เพราะระบบนิเวศของบริการ 5G ในปัจจุบันไม่สามารถกระตุ้นอุปสงค์ได้ เนื่องจากราคาเครื่องมือถือที่ใช้ระบบ 5G ยังแพง และมีแค่บางยี่ห้อ/บางรุ่นเท่านั้นที่สามารถใช้ระบบ 5G บนคลื่น 2600MHz ได้ แต่ถึงแม้ว่าแนวโน้มรายได้จากบริการ 5G จะยังไม่ชัดเจน แต่ผู้ประกอบการที่ประมูลได้ใบอนุญาต 5G บนคลื่น 700MHz, 2600MHz และ 26GHz ก็เริ่มรับรู้ค่าใช้จ่าย amortization แล้วตั้งแต่เดือนมีนาคม โดยค่าใช้จ่าย amortization ของ ADVANC จะสูงที่สุดอยู่ที่ 326 ล้านบาท/ไตรมาส (1.3 พันล้านบาท/ปี) รองลงมาคือ TRUE (298 ล้านบาท/ไตรมาส หรือ 1.2 พันล้านบาท /ปี) ในขณะที่ของ DTAC จะต่ำมากแค่ 61 ล้านบาท/ปีเท่านั้น

 

เราเลือก DTAC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม

ราคาหุ้นบริษัทมือถือส่วนใหญ่ขยับแรงในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา โดยประเด็นความกังวลหลักได้แก่ผลกระทบจาก Covid-19 ต่อผลประกอบการและ DPS สำหรับในช่วงที่ท้าทายเช่นนี้ เราชอบ DTAC มากกว่าเพื่อนเพราะยังมีช่องให้ลดต้นทุนเพื่อเพิ่มกำไรได้อีกในปี 2020 และไม่มีภาระที่จะต้องลงทุนในโครงข่าย  5G บนคลื่น 2600MHz ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งกว่า และงบลงทุนที่ต่ำ  เราจึงมองว่า DTAC น่าจะจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราที่สูงกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม