“ททท.” คาดครม.ไฟเขียววันหยุดยาว 4-7 ก.ย. กระตุ้นไทยเที่ยวไทยเดินทางเพิ่ม20%เตรียมจัดงานคอนซูเมอร์แฟร์ดันยอดใช้สิทธิซื้อห้องพักโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ปลาย ส.ค.นี้ หลังผ่านไป 1 เดือนมียอดใช้สิทธิเพียง 5 แสนกว่าคืน จากโควตา 5 ล้านคืน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้วันที่ 4 และ 7 ก.ย.นี้เป็นวันหยุดชดเชยสงกรานต์ รวมมีวันหยุดยาว 4 วันตั้งแต่วันที่ 4-7 ก.ย.2563 ททท.คาดว่าจะช่วยส่งเสริมการเดินทางของตลาดไทยเที่ยวไทยเดือน ก.ย.นี้เพิ่มขึ้น 20%เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว สอดรับกับพฤติกรรมของคนไทยที่นิยมเที่ยววันหยุดยาว และกระตุ้นการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันมากขึ้น หลังธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เพราะในปีปกติเดือน ก.ย.จะไม่มีวันหยุด และสถาบันการศึกษาเปิดการเรียนการสอนแล้ว
ทั้งนี้ ททท.เตรียมจัดงานคอนซูเมอร์แฟร์เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันในปลายเดือน ส.ค.นี้ ด้วยการดึงผู้ประกอบการโรงแรมและสายการบินมาออกบูธ เร่งการตัดสินใจซื้อแพ็คเกจของนักท่องเที่ยวแบบเบ็ดเสร็จภายในงาน
หลังจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือน ก.ค.-ต.ค.2563 เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิจองห้องพักเมื่อวันที่ 15 ก.ค.2563 ผ่านไป 1 เดือน พบว่ามียอดคนลงทะเบียน 5 ล้านคนก็จริง แต่พอเปิดให้ใช้สิทธิซื้อห้องพักวันแรกเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา มียอดใช้สิทธิซื้อห้องพักแล้วประมาณ 5 แสนกว่าคืน หรือคิดเป็น 10%ของโควตา 5 ล้านคืน
ททท.จึงได้หารือกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาว่าสาเหตุที่คนไทยไม่ค่อยเดินทางเป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจ หลังวิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อด้านท่องเที่ยว หรือเป็นเพราะคนไทยรอใช้สิทธิเฟส 2 ของโครงการฯ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯอาจปรับเพิ่มสัดส่วนอัตรารัฐช่วยจ่าย จากเดิม 40%แล้วนักท่องเที่ยวออกค่าใช้จ่ายเอง 60%มาเป็นรัฐช่วยจ่ายในอัตรา 50%หรือ 60%
ล่าสุด ททท.ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนภาคเอกชนท่องเที่ยวเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสนอต่อรัฐบาล โดยข้อสรุปคือต้องการให้รัฐเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การลดต้นทุนค่าใช้จ่ายคงที่ ด้วยการยืดระยะเวลาพักต้นพักดอกเบี้ย ขอความช่วยเหลือจากสำนักงานประกันสังคมเพื่อดูแลแรงงาน และจ่ายค่าไฟฟ้าตามจริง
2.การพยุงธุรกิจและการจ้างงาน เน้นช่วยเสริมสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการเป็นหลัก เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) การตั้งกองทุนเพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงเงินกู้ง่ายขึ้น และให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพิ่มสัดส่วนการค้ำประกัน และ 3.การสร้างรายได้เพิ่ม เร่งเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่ม Safe and Sealed Area ที่เน้นความปลอดภัย ควบคุมดูแลแบบพิเศษ